BGRIM อย่าเพิ่งถอดใจ (วันที่ 1 เมษายน 2565)

BGRIM อย่าเพิ่งถอดใจ (วันที่ 1 เมษายน 2565)

เราคิดว่าปี 2565 เป็นปีที่ไม่ปกติสำหรับ BGRIM เนื่องจากราคาก๊าซที่พุ่งสูงขึ้น และการปรับค่า Ft ตามหลัง เราจึงได้ปรับเพิ่มสมมติฐานราคาก๊าซของ SPP ทำให้คาดว่ากำไรสุทธิในปี 2565F จะลดลงถึง 46% YoY

แม้ว่าจะได้รับส่วนแบ่งกำไรจากโครงการต่าง ๆ และมีการใช้มาตรการคุมต้นทุน อย่างไรก็ตาม เราคาดว่ากำไรสุทธิในปี 2566-67F จะดีขึ้น (+69.6% YoY และ +79.7% YoY ตามลำดับ) เนื่องจากราคาก๊าซลดลง ส่งผลให้ margin และผลการดำเนินงานโดยรวมดีขึ้น ทั้งนี้ ประมาณการของเราต่ำกว่า consensus ของนักวิเคราะห์ในตลาดเนื่องจากเราใช้สมมติฐานราคาก๊าซของ SPP ที่สูงกว่า โดยเราคาดว่าบริษัทจะมีผลขาดทุนจากการดำเนินงานใน 1Q65 ก่อนที่จะดีขึ้นในไตรมาสต่อๆ ไป

 

กลยุทธ์ของ BGRIM จะเป็นอย่างไรต่อไป …?

จากกลยุทธ์หลักทั้งหมด 7 ด้านที่บริษัทกำหนดไว้ เราพบว่ามีอยู่สามด้านที่ดูเหมือนบริษัทให้น้ำหนักอย่างมาก (Figure 14) ทั้งนี้เราเชื่อว่าโอกาสการลงทุนในอนาคตจะเป็นปัจจัยกระตุ้น และทำให้นักวิเคราะห์ในตลาดปรับเพิ่มประมาณการกำไรในระยะต่อไป

i) การขยายกำลังการผลิต บริษัทกำลังหาโอกาสสร้างการเติบโตทั้ง organic และ inorganic ทั้งในส่วนของเชื้อเพลิง conventional และ RE ซึ่งตลาดเป้าหมายของบริษัทได้แก่ เอเชีย, สหรัฐ และ EU โดยบริษัทตั้งเป้าจะซื้อกิจการโรงไฟฟ้า >1,000MW (100-200MW ใน 1H65) ในปี 2565

ii) ธุรกิจ LNG บริษัทจะเริ่มนำเข้า LNG 0.5MTPA LNG (จากโควตาทั้งหมด 1.2MTPA) ในปี 2566 ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนก๊าซของ IU ลง 7-10% สำหรับโครงการ SPP replacements ห้าโครงการ และโครงการ SPPs อื่นๆ ที่เปิดดำเนินการอยู่ ส่วนโควต้าการนำเข้าส่วนที่เหลือจะรองรับโอกาสการเติบโตในอนาคต

iii) ธุรกิจการค้าพลังงาน บริษัทกำลังศึกษา platform การซื้อขายพลังงานแบบ P2P และมีแผนจะเข้าสู่ธุรกิจนี้พร้อมทั้งเรียนรู้จากการเข้าซื้อกิจการ start-up ใน EU และสหรัฐ แต่เราเชื่อว่าธุรกิจนี้สำหรับในไทยอาจจะยังต้องใช้เวลาในการพัฒนาเนื่องจากยังติดกฎเกณฑ์ของทางการอยู่

 

 

 

Valuation and action

เราคงคำแนะนำ ซื้อ และราคาเป้าหมาย DCF ใหม่ที่ 41.00 บาท (เดิม 61.75 บาท) เราเชื่อว่า risk/reward
ในขณะนี้น่าสนใจ เพราะราคาหุ้นน่าจะสะท้อนผลประกอบการที่ปกติในปี 2565 ไปเรียบร้อยแล้ว ทำให้มี downside จำกัด เมื่อเทียบกับแนวโน้มกำไรที่คาดว่าจะกลับมาโตได้ถึง +70% YoY ในปี 2566F และ+80% YoY ในปี 2567F เราคิดว่านักลงทุนน่าจะมองข้ามปี 2565 แล้วทยอยซื้อหุ้น BGRIM ซึ่งคาดจะมีปัจจัยกระตุ้นดังนี้ i) โครงการที่กำลังอยู่ระหว่างศึกษา และ ii) การบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ จากการที่ราคาน้ำมันกลับทิศ เราคาดว่าราคาหุ้น BGRIM น่าจะขยับขึ้นได้ในแบบ sideway-up

 

Risks

การปิดโรงไฟฟ้านอกแผน, ปัญหา cost overruns, และความผันผวนจาก Fx และอัตราดอกเบี้ย