Sideways Up เก็งกำไร ADVANC KBANK GULF (30 มี.ค. 65)

Sideways Up เก็งกำไร ADVANC KBANK GULF (30 มี.ค. 65)

คาดดัชนีฯ Sideways Up แนวต้าน 1,695 จุด / 1,700 จุด แนวรับ 1,685 จุด / 1,678 จุด แนะนำ เก็งกำไร ADVANC KBANK GULF ทางเทคนิค เกิดสัญญาณซื้อรอบใหม่ หลังดัชนีฯ ปิดเหนือแนวต้านสำคัญที่ 1,685 จุดได้

ทำให้ดัชนีฯ มีโอกาสแกว่งตัวทดสอบแนวต้านจิตวิทยาที่ 1,700 จุด ปัจจัยบวก คือ แรงซื้อเก็งกำไรหุ้นร่วงแรงที่ผ่านมา จากผลกระทบน้ำมันพุ่งแรง เช่น ผู้ผลิตไฟฟ้า ปิโตรเคมี สายการบิน เป็นต้น หลังความเสี่ยงสงครามยูเครนอาจใกล้สิ้นสุดลง ไฮไลท์วันนี้ จับตาการประชุมกนง. (คาดคงดอกเบี้ย ปรับลดเป้าหมายเติบโตเศรษฐกิจปี 2022E) การครบกำหนดตราสารอนุพันธ์งวดสิ้น 1Q22E (ส่งผลต่อความผันผวนของหุ้นบลูชิพขนาดใหญ่) สหรัฐฯ รายงานตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนเดือน มี.ค. รวมถึงรายงาน 4Q21E GDP Growth และเงินเฟ้อ Core PCE Price

 

กลยุทธ์ลงทุน แนะนำ

        +KTZ Portfolio: พอร์ต Mid-Small Cap แนะนำ AH AJ DOD MC TFG TPIPL TWPC UTP XO SAT SMT (แนะนำขาย M) ส่วนพอร์ต Big Cap แนะนำ GULF CRC AWC BEC TCAP JMT CENTEL BH ADVANC AOT BBL EA DTAC COM7 KBANK MINT KTB PLANB

       +น้ำมันปรับตัวลดลง: หุ้นกลุ่มที่เคยโดนเทขาย จากความกังวลด้านต้นทุนที่สูงขึ้น จากราคาพลังงานมีแนวโน้มฟื้นตัว เป็นโอกาสในการเก็งกำไรระยะสั้น SCC SCCC TASCO SCGP DCC GPSC BGRIM GULF AAV BA BJC CK STEC TU

       +/-ดอกเบี้ยขาขึ้น: +กลุ่มการเงิน BBL KBANK BLA THREL –กลุ่มอุตสาหกรรมที่มีการลงทุนขนาดใหญ่ SCC SCCC SCGP BJC MAKRO MINT CRC GPSC BGRIM AAV BA

       +Earnings Play: ลุ้นผลกำไร 1Q22E +BCH BH HANA DTAC PTTEP MAJOR KBANK BBL

       +EV: งานมอเตอร์โชว์สิ้นสุดวันที่ 3 เม.ย. +TTB TISCO KKP NEX EA GPSC

 

 

ปัจจัยบวก

      Russia-Ukraine: การเจรจาสันติภาพระหว่าง 2 ชาติ มีความคืบหน้าเชิงบวก โดยรัสเซียเริ่มลดปฏิบัติการทางทหารรอบกรุงเคียฟ และยอมให้ยูเครนเข้าร่วมเป็นสมาชิก EU นอกจากนี้ ตัวแทนของฝั่งรัสเซียพอใจกับข้อเสนอในการตกลงหยุดยิงของทางยูเครนเป็นอย่างมาก ทำให้คาดว่าข้อตกลงสันติภาพดังกล่าวจะบรรลุได้ในไม่ช้า

    Thailand: กระทรวงการคลังเลื่อนการจัดเก็บภาษีการขายหุ้นออกไป เนื่องจากสถานการณ์ยังไม่เหมาะสม โดยภาวะเศรษฐกิจไทยในปัจจุบันยังได้รับผลกระทบ จากทั้งสงครามรัสเซีย-ยูเครน และการแพร่ระบาดของสายพันธุ์โอมิครอน ทำให้จำเป็นต้องชะลอการจัดเก็บภาษีนี้ออกไปอีกสักระยะหนึ่ง

 

ปัจจัยลบ

      ราคาน้ำมัน: ราคาน้ำมันดิบร่วงต่อ หลังจากการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครนมีความคืบหน้าอย่างมาก รวมถึงถูกกดดันจากปัจจัยลบก่อนหน้านี้ อาทิ การล็อกดาวน์เซี่ยงไฮ้ ความล้มเหลวของ EU ในการร่วมคว่ำบาตรภาคพลังงานของรัสเซีย และการกลับมาส่งออกน้ำมันดิบของบริษัท CPC (-หุ้นกลุ่มน้ำมัน)

 

ประเด็นสำคัญ

      Opportunity Day วันนี้: RWI THAI AIMCG APCO SYMC TRC UKEM

      ไทย: การประชุมกนง. โดยคาดว่าจะยังคงดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.5% และมีการปรับลดตัวเลขคาดการณ์เศรษฐกิจปี 2022E

      เยอรมนี: ตัวเลขเงินเฟ้อเดือน มี.ค. โดย Consensus คาดการณ์ที่ 6.3%

      USA: ตัวเลข ADP Nonfarm Employment เดือน มี.ค. โดย Consensus คาดอยู่ที่ 4.5 แสนคน (Vs เดือน ก.พ. ที่ 4.75 แสนคน)

 

 

 

+/-Global Market Summary: วันทำการที่ผ่านมา
 

+ ตลาดหุ้นไทยปิดบวก: ดัชนีฯ ปรับตัวขึ้นทะลุแนวต้านสำคัญที่ 1,685 จุด ได้ตั้งแต่ช่วงต้นของการซื้อขายและแกว่งตัวในแดนบวกได้ตลอดทั้งวัน โดยทำจุดสูงสุดที่ 1,692.66 จุด ก่อนปิดตลาดที่ 1,689.74 จุด +5.44 จุด วอลุ่มซื้อขาย 7.6 หมื่นล้านบาท นำบวกโดยกลุ่มเงินทุนและหลักทรัพย์ +0.89% กลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร +0.88% กลุ่มขนส่งและโลจิสติกส์ +0.63% หุ้นบวก >4% TEAMG SCM 7UP THREL CIVIL TNPC CSS JMT PEACE HUMAN JUTHA CHAYO SABUY SVI หุ้นลบ >4% TFI AIT ASIMAR IT SUC 3K-BAT IFS WIN INOX

+ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ และหุ้นยุโรปปิดบวก: DJIA +0.97% S&P500 +1.23% NASDAQ +1.84% หลังการเจรจาสันติภาพระหว่างยูเครนและรัสเซียมีความคืบหน้า ขณะที่ตัวเลข JOLTs Job Openings เดือน ก.พ. ออกมาที่ 11.26 ล้านตำแหน่ง สูงกว่าที่ตลาดคาด (Vs คาด 11 ล้านตำแหน่ง) ส่วนตลาดหุ้นยุโรปพุ่งแรง CAC40 +3.08% DAX +2.80% FTSE +0.86% รับข่าวการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครนให้สัญญาณบวกที่เป็นรูปธรรมที่สุดนับตั้งแต่มีการเจรจาระหว่าง 2 ชาติ

- น้ำมันดิบและทองคำปิดลบ: WTI -USD1.72 ปิดที่ USD104.24/บาร์เรล Brent -USD2.25 ปิดที่ USD110.23/บาร์เรล รับข่าวการเจรจาสันติภาพระหว่างยูเครนและรัสเซียมีความคืบหน้า โดยระหว่างการซื้อขายราคาน้ำมันดิบ WTI ร่วงลงไปต่ำกว่า USD100 ส่วนตลาดทองคำดิ่งแรงและร่วงต่อเป็นวันที่สาม -USD21.8 ปิดที่ USD1,918/ออนซ์ หลังจากนักลงทุนคลายความกังวลสถานการณ์ยูเครน-รัสเซีย

 

ประเด็นสำคัญ

+ USA: สำนักงานสถิติของกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยผลสำรวจการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) พบว่า ตัวเลขการเปิดรับสมัครงาน ซึ่งเป็นมาตรวัดอุปสงค์ในตลาดแรงงานลดลง 17,000 ตำแหน่ง สู่ระดับ 11.266 ล้านตำแหน่ง ในเดือน ก.พ. แต่สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 11.0 ล้านตำแหน่ง จากระดับ 11.283 ล้านตำแหน่ง ในเดือน ม.ค.

+ USA: คณะบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ เปิดเผยแผนงบประมาณวงเงินเกือบ 6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สำหรับปีงบประมาณ 2023 โดยระบุว่าแผนงบประมาณดังกล่าวถือเป็นการลงทุนด้านความมั่นคงของชาติครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐฯ ในช่วงเวลาที่สหรัฐฯ กำลังเผชิญกับภัยคุกคามจากรัสเซียและจีน

+ Ukraine War: รัฐมนตรีช่วยกลาโหมรัสเซีย กล่าวว่า รัสเซียประกาศลดปฏิบัติการทางทหารรอบกรุงเคียฟ ซึ่งเป็นเมืองหลวงของยูเครน รวมทั้งเมือง เชอร์นิฮิฟ เพื่อเพิ่มความไว้วางใจระหว่างรัสเซียและยูเครน และเพื่อเอื้ออำนวยต่อการเจรจาสันติภาพในครั้งต่อไปของทั้งสองฝ่าย โดยยังเปิดเผยอีกว่าการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครนที่ตุรกี ทั้งสองฝ่ายประสบความคืบหน้าอย่างมากในการจัดทำสนธิสัญญาเกี่ยวกับสถานะเป็นกลางและปลอดอาวุธนิวเคลียร์ของยูเครน รวมทั้งการรับประกันความมั่นคงสำหรับยูเครน

+/- Japan: รมว.คลังของญี่ปุ่น จะจับตาตลาดปริวรรตเงินตราต่างประเทศอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันไม่ให้เงินเยนอ่อนค่ามากจนเกินไป โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ญี่ปุ่นกำลังพยายามลดผลกระทบเชิงลบจากต้นทุนการนำเข้าที่พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว อันเนื่องมาจากการอ่อนค่าของเงินเยน

+/- ผลประชุมกนง.: ตลาดคาดว่าธปท. จะปรับลดประมาณการเติบโต 2022E GDP ลงจากปัจจุบันที่ 3.9 % และปรับเพิ่มเป้าหมายเงินเฟ้อจากเดิม 1.7% แต่จะส่งสัญญาณคงดอกเบี้ยตลอดปีนี้ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ขณะที่ Krungthai COMPASS ส่งสัญญาณเตรียมปรับลดเป้าหมายเติบโตเศรษฐกิจไทยปีนี้ลงเป็น 3% และกรณีแย่สุดที่ 1.6% หากราคาน้ำมันดิบทรงตัวในระดับสูง USD100/บาร์เรล 6 เดือน (จากเดิม 3.8%) และเงินเฟ้อเพิ่มเป็น 3.4% (จากเดิม 1.9%) รวมทั้งปรับลดจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติมาอยู่ที่ 5.5 ล้านคน (จากเดิม 5.8 ล้านคน)

- ไทย ผลกระทบจากการครบกำหนดตราสารอนุพันธ์งวดสิ้น 1Q22E: อิงสถิติการวิเคราะห์เชิงปริมาณ (Quant Analysis) สำหรับยอดการซื้อขำยต่างชาติใน SET50 Futures ในช่วงปี 2016-22 และอิงสถิติความสัมพันธ์ระหว่าง SET50 Futures กับการ Long และ Short สุทธิของนักลงทุนต่างชาติ พบว่า ในเดือนที่สิ้นสุดไตรมาสก่อน Series รายไตรมาสสิ้นสุดอายุ 10 วันทำการ (LTD-10) หากต่างชาติมี Position ฝั่งไหน (ในช่วงครึ่งเดือนแรกก่อน LTD-10) จะส่งผลต่อดัชนี SET50 Index ในช่วง 10 วันทำการสุดท้ายเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกัน โดยมีความแม่นยำ 75.00% โดยหากลงทุนด้วยกลยุทธ์ดังกล่าวและถือถึงวันหมดอายุในช่วง 1Q16-4Q21 จะมีกำไรรวม 351.00 จุด เฉลี่ย 14.6 จุด/ไตรมาส โดยไตรมาสที่กำไรสูงสุด 59.0 จุด และไตรมาสที่ขาดทุนสูงสุด 30.9 จุด สำหรับกรณีในวันที่ 1-16 มี.ค. 2022 ที่ผ่านมาต่างชาติมี Short สะสมสุทธิ 23,269 หมื่นสัญญา อิงจากสถิติ 24 ไตรมาสย้อนหลัง มีโอกาส 75% ที่ SET50 จะปิดต่ำกว่าระดับ 1,011.95 จุด ในการครบกำหนดตราสารอนุพันธ์ในวันพุธที่ 30 มี.ค. นี้

 

กลยุทธ์การลงทุน แนะนา Trading Buy (โดยมีจุดขายตัดขาดทุน 3%)

 

หุ้นแนะนำรายสัปดาห์: TOP KBANK BH

หุ้นแนะนำเก็งกำไร: ADVANC KBANK GULF

Derivatives: แนะดัก Short S50M22 เมื่อดีดตัวเก็งกำไรภายในวัน (ติดตามรายละเอียดเพิ่มใน KTZ-D Report)