ไม่แนะนำไล่ซื้อตามข่าว ทยอยลดน้ำหนักสถานะแล้วรอซื้อที่ระดับต่ำ

ไม่แนะนำไล่ซื้อตามข่าว ทยอยลดน้ำหนักสถานะแล้วรอซื้อที่ระดับต่ำ

การเจรจาสันติภาพรอบใหม่ระหว่างรัสเซียและยูเครนที่กรุงอิสตันบูลมีความคืบหน้าในเชิงบวก โดยรัสเซียประกาศลดปฏิบัติการทางทหารรอบกรุงเคียฟซึ่งเป็นเมืองหลวงของยูเครน รวมถึงเมืองเชอร์นิฮิฟ พร้อมยอมให้ยูเครนสามารถเข้าร่วมเป็นสมาชิกสหภาพยุโรปได้

แต่ต้องไม่เข้าเป็นสมาชิกองค์กรสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (NATO) ส่งผลให้ราคาน้ำมันลงกว่า 2%, VIX index ต่ำกว่า 20 หนุนแรงซื้อกลับ (buy-on-dip) ในสินทรัพย์เสี่ยง

ติดตามการประชุม กนง. วันนี้ ตลาดคาดคงระดับดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.50% พร้อมปรับลดตัวเลขคาดการณ์เศรษฐกิจและเพิ่มประมาณการเงินเฟ้อ โดยการเพิ่มสูงขึ้นของราคาน้ำมันผลักดันเงินเฟ้อเดือน ก.พ. สูงกว่า 5% yoy ประกอบกับการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเฟดอาจส่งผลให้ กนง.ส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยตามในช่วงครึ่งปีหลัง

ภาพเชิงเทคนิคเป็นบวกหลังเบรกแนวต้านสำคัญที่ 1685 จุด ระยะสั้นยังสามารถเก็งกำไรได้ แต่ระยะกลางมองเป็นจังหวะลดน้ำหนักการลงทุน. เรามีมุมมองภาพตลาดหุ้นไทย ระยะกลาง-ยาว ในเชิงลบจาก (1) เศรษฐกิจไทยที่มีแนวโน้มโตชะลอจากภาวะ stagflation, (2) อัตราดอกเบี้นโยบายขาขึ้น, และ (3) สภาพคล่องในระบบที่จะเริ่มหายไปจากการทำ quantitative tightening ของเฟด ซึ่งคาดส่งผลให้ภาพรวมตลาดในช่วงไตรมาส 2/65 เป็นลบมากขึ้น
 

 

 

กลยุทธ์ระยะกลาง-ยาว แนะหลีกเลี่ยงการลงทุนกลุ่มหุ้น P/E สูง เนื่องจากราคามีโอกาสถูก de-rate ลงมามากกว่าหุ้นที่มี P/E ต่ำกว่าในช่วง tightening cycle กลยุทธ์การเลือกหุ้นเน้นลงทุนในกลุ่มที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว, มีแรงต้านทานจากภาวะดอกเบี้ยขาขึ้น, ได้รับผลกระทบจากเงินเฟ้อที่จำกัด รวมถึงหุ้นที่ได้ประโยชน์จากภาวะเงินบาทอ่อนค่า 

ขณะที่กลุ่มโรงกลั่นยังเป็นตัวเลือกที่ดีในภาวะน้ำมันทรงตัวระดับสูง จากอุปทานที่ตึงตัว เรายังคาดราคาน้ำมันดิบจะทรงตัวในระดับสูง 95-120 เหรียญฯ ขณะที่ความต้องการใช้น้ำมันที่ฟื้นตัวจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว จะส่งผลบวกต่อการฟื้นตัวของค่าการกลั่น (GRM) ทำให้หุ้นโรงกลั่นยังมีความน่าสนใจโดยเปรียบเทียบที่ดีกว่าหุ้นพลังงานต้นน้ำ หรือกลุ่มปิโตรเคมี โดยหุ้นเด่นของเราคือ TOP (ซื้อ ราคาเหมาะสม 65 บาท) ขณะที่อาจเก็งกำไรหุ้นโรงกลั่นอื่น อาทิ ESSO, SPRC, BCP // ติดตามประชุมโอเปค 31 มี.คนี้

ประเด็นเก็งกำไรอื่น 1) กลุ่มพลังงาน PTTEP, BANPU, TOP (เน้นโรงกลั่น) 2) กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ เป็นกลุ่มที่มักจะเคลื่อนไหวได้ดีในภาวะเงินเฟ้อ อีกทั้ง valuation ต่ำ และปันผลสูง ทำให้มีโอกาสเห็นการฟื้นตัวของ LH, SPALI, AP, SC, ASW 4หุ้นเด่นไตรมาส 2/65 ที่เราชอบได้แก่ BBL, TIDLOR, CPN, OSP, TRUE, ONEE, TOP และ IVL 5) ขณะที่หุ้นที่สามารถเลือกเก็งกำไรในช่วงนี้ ได้แก่ KCE, HANA, PJW, TTCL, THREL, BLA, IND, MAJOR, WORK, TH, ERW, MINT, CENTEL ,SHR, AAV เป็นต้น
 

ภาพรวมกลยุทธ์: การยืนเหนือ 1,685 ทำให้มีโอกาสยกกรอบการเล่นขึ้นเป็น 1,685-1,720 จุด ประเมินบรรยากาศเก็งกำไรโดยรวมยังได้อานิสงค์บวก จากความคาดหวังสงครามรัสเซีย-ยูเครนยุติ Window dressing และการเปิดประเทศรับการท่องเที่ยว รวมถึงมาตรการดูแลค่าใช้จ่าย เป็นปัจจัยหนุนกลุ่มที่เกี่ยวข้อง แต่มองการขึ้นของตลาดเป็นจังหวะในการลดน้ำหนัก //หุ้นแนะนำ: CENTEL*, SHR*, PJW*, TTCL*

แนวรับ: 1,685 / แนวต้าน : 1,699-1,708 จุด สัดส่วน : เงินสด 50% : พอร์ตหุ้น 50%

 

ประเด็นการลงทุน

CHAYO – เตรียมรับทรัพย์ขายที่ดิน 900.8 ล้านบาท เดินหน้าเร่งซื้อหนี้เติมพอร์ตหลังสถาบันการเงินออก TOR มาแล้วกว่า 7-8 หมื่นล้านบาท

EA – บริษัท พลังงานมหานคร จำกัด (EMN) ซึ่งบริษัทย่อยของ EA ที่ดำเนินธุรกิจให้บริการสถานีอัดประจุไฟฟ้าสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าลงนามบันทึกความเข้าใจกับการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และ บมจ.เจ.อาร์.ดับเบิ้ลยู. ยูทิลิตี้ (JR) ในโครงการสถานีอัดประจุไฟฟ้าอัจฉริยะสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า (EV Smart Charging Station)

ORI จับมือ ADVANC ลุยขายโครงการบนโลกเสมือน – ORI ร่วมกับ บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) หรือ AIS พัฒนา "Origin World" ห้างเสมือนจริง หรือ Virtual Store ที่ผู้บริโภคสามารถเข้าไป

เลือกชมและซื้อโครงการบ้าน-คอนโดพร้อมอยู่ บนทำเลศักยภาพของออริจิ้นได้ในที่เดียว บนแพลตฟอร์ม https://V-Avenue.Co โดยจะเปิดให้ร่วมสัมผัสประสบการณ์ใหม่พร้อมกันในวันที่ 29 มี.ค. 65

 

ประเด็นติดตาม: 30 มี.ค. – การประชุม กนง./ 31 มี.ค. – China Manufacturing PMI เดือน มี.ค., ประชุมโอเปคและพันธมิตร

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)