บทสรุปโฆษณาดิจิทัลปี 64 การเติบโตเกินคาด 18% Facebook กุมเงิน 1 ใน 3 ของตลาด

บทสรุปโฆษณาดิจิทัลปี 64  การเติบโตเกินคาด 18% Facebook กุมเงิน 1 ใน 3 ของตลาด

ปิดปี 64 ด้วยการสร้างการเติบโตต่อเนื่อง สำหรับอุตสาหกรรมสื่อโฆษณาดิจิทัล และเฟซบุ๊กยังเป็นนัมเบอร์วัน โกยเงินสูงสุดสัดส่วน 1 ใน 3 ของตลาด แพลตฟอร์มอื่นต้องแย่งกันเค้กกันโตต่อ จับตา "ติ๊กต๊อก-วิดีโอออนไลน์" ร้อนแรงไม่หยุด รับพฤติกรรมผู้บริโภคชอบเสพภาพเคลื่อนไหว

สมาคมโฆษณาดิจิทัล (ประเทศไทย) หรือ The Digital Advertising Association of Thailand (DAAT) ร่วมกับ คันทาร์ (ประเทศไทย) บริษัทวิจัยชั้นนำ สำรวจมูลค่าเม็ดเงินลงทุนผ่านสื่อดิจิทัลเป็นประจำทุกปี  โดยรายงานการวิจัยล่าสุดได้เก็บข้อมูลเม็ดเงินโฆษณาตามความเป็นจริงบนสื่อดิจิทัลประจำปี 2564 จาก 42 เอเยนซี่พันธมิตร จาก 59 ประเภทอุตสาหกรรม บนแพลตฟอร์มสื่อออนไลน์16 ประเภท  

บทสรุปปี 2564 แม้จะมีวิกฤติโรคโควิด 19 ระบาด แต่แบรนด์สินค้าและบริการต่างๆ ยังเทใจ ทุ่มเม็ดเงินลงทุนผ่านสื่อดิจิทัล จนทำให้อุตสาหกรรมโฆษณาออนไลน์เติบโตถึง 18% เป็นเม็ดเงินมูลค่ากว่า 24,766 ล้านบาท การเติบโตดังกล่าวนับว่าสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งเดิมมองตัวเลขเพียง 1 หลัก ที่ 8% เท่านั้น  

มาดูว่าทั้งปี 2564 สินค้าหมวดหมู่ใดบ้างที่เป็นเจ้าบุญทุ่ม รุกหนักสื่อสารผ่านออนไลน์ โดยกลุ่มอุตสาหกรรมหลัก 5 อันดับแรก ที่มีลงทุนผ่านสื่อดิจิทัลยังคงเป็นกลุ่มเดิม ดังนี้ 1.อุตสาหกรรมยานยนต์ใช้จ่ายเงินโฆษณามูลค่า 2,897 ล้านบาท  ตามด้วยเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮล์ที่เติบโตถึง 2,680 ล้านบาท เติบโต 34%  กลุ่มการสื่อสาร 2,581 ล้านบาท  ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวพรรณ(สกินแคร์) 2,162 ล้านบาท  และกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่นม 1,657 ล้านบาท 

นอกจากนี้  ยังมีกลุ่มสินค้าที่มีอัตราเติบโตร้อนแรง ใช้เงินเติบโตสูงสุด ได้แก่ กลุ่มวิตามินและผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ใช้เงินคึกคักจนสามารถก้าวมาอยู่อันดับ 8 จากปี 2563 รั้งอันดับ  19  รวมถึงธุรกิจออนไลน์ หรือ E-Commerce เติบโต 100% จากปี 2563 

บทสรุปโฆษณาดิจิทัลปี 64  การเติบโตเกินคาด 18% Facebook กุมเงิน 1 ใน 3 ของตลาด ด้านแพลตฟอร์มที่โกยเงินได้มากสุด ยังคงเป็นแพลตฟอร์มเฟซบุ๊ก (Facebook) ซึ่งแบรนด์ต่าง ๆ ยังคงเลือกใช้ในการสื่อสารกับผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมาย เรียกว่าครองเม็ดเงินมากถึง  1 ใน 3 ของเม็ดเงินลงทุนผ่านสื่อดิจิทัลทั้งหมด รองลงมาคือ ยูทูป (YouTube) คิดเป็นสัดส่วน 17% และ โซเชียล (Social) คิดเป็นสัดส่วน 9% เป็นต้น (ดูภาพประกอบด้านบน)

ที่น่าสนใจคือ สื่อวิดีโอ ออนไลน์ (Online Video) มีอัตราการเติบโตอย่างมาก จากที่เคยอยู่ในอันดับ 8 สามารถขึ้นมาอยู่ที่อันดับที่ 5 ในปี 2564 และปี 2565 คาดการณ์จะเติบโตอีกกว่า 45%  ส่วนที่มาแรงไม่หยุด ยกให้แพลตฟอร์ม “ติ๊กต๊อก” (TikTok) สร้างการเติบโตอย่างก้าวกระโดดที่กว่า 654% และปี 2565 คาดการณ์ว่าจะเติบโตเพิ่มอีก 26%  

สำหรับอี-คอมเมิร์ซ (e-commerce) และการตลาดแบบช่วยขาย (Affiliated Marketing) ยังคงมีสัดส่วนที่น้อยอยู่เมื่อเทียบกับเม็ดเงินทั้งหมดที่ลงทุนอยู่ในสื่อดิจิทัล แต่ทั้งนี้มีการคาดการณ์ว่าปี 2565 การเติบโตของ 2 กลุ่มนี้จะสูงมาก คือเพิ่มขึ้น 58% และ 41% ตามลำดับ

อย่างไรก็ตาม ปี 2565 สมาคมฯ คาดการณ์เม็ดเงินลงทุนผ่านสื่อดิจิทัลจะเพิ่มมากขึ้นประมาณ 9% เงินสะพัดมูลค่า 27,040 ล้านบาท โดยการเพิ่มขึ้นของเม็ดเงินลงทุนในสื่อดิจิทัล มาจากหลากปัจจัย เช่น  พฤติกรรมในการเสพสื่อของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป แพลตฟอร์มออนไลน์ใหม่ ๆ ที่เข้ามาในตลาด เทคโนโลยีที่ก้าวหน้าเพิ่มมากขึ้น การเข้าถึงอินเตอร์เน็ตของผู้บริโภคที่เพิ่มมากขึ้น และความเร็วของอินเตอร์ที่แรงขึ้น ที่สำคัญแบรนด์มองการใช้สื่อดิจิทัลเป็นสื่อที่คุ้มค่าแก่การลงทุนและมีประสิทธิภาพเพื่อจะเชื่อมต่อกับผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมาย 

การ

บทสรุปโฆษณาดิจิทัลปี 64  การเติบโตเกินคาด 18% Facebook กุมเงิน 1 ใน 3 ของตลาด

10 ปี โฆษณาดิจิทัลโตราว 10 เท่า ออนไลน์วิดีโอ-ติ๊กต๊อก โตก้าวกระโดด

ดร.อาภาภัทร บุญรอด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร คันทาร์ (ประเทศไทย) ให้ความเห็นว่า ปัจจัยที่ส่งผลต่อการเติบโตของเม็ดเงิน โฆษณาดิจิทัลคือพฤติกรรมการใช้สื่อของผู้บริโภคทั้งการใช้ Social Media และ e-commerce รวมถึงการดู Online VDO และ Online Entertainment อื่น ๆ เช่น การเล่นเกมส์ และ e-sport ต่าง ๆ 

นอกจากนี้ยังมีปัจจัยเสริมคือสัดส่วนของประชากรที่เข้าถึงอินเตอร์เน็ตเพิ่มขึ้นและการขยายการใช้งานของ 5G ซึ่งลดข้อจำกัดเชิงพื้นฐานและเอื้อให้ผู้บริโภคใช้สื่อออนไลน์ได้นานและหลากหลายขึ้น ฟากแบรนด์มีการโยกเม็ดเงินโฆษณาจากสื่อดั้งเดิมไปสู่สื่อดิจิทัลมากขึ้น

ขณะที่นักการตลาดยุคปัจจุบันมีความรู้เกี่ยวกับระบบนิเวศบนดิจิทัลที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลามากขึ้น ปัจจัยหลัก ๆ เกิดจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้บริโภคและความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ซึ่งทั้งสองปัจจัยมีส่วนสำคัญกับนักการตลาดในยุคนี้ค่อนข้างมาก เพราะจะทำให้เข้าใจถึงความสนใจของผู้บริโภคต่อการเสพสื่อ และสามารถเชื่อมโยงและดึงคุณลักษณะและจุดแข็งของแต่ละแพลตฟอร์มออกมาใช้ได้ เนื่องด้วยแพลตฟอร์มแต่ละแพลตฟอร์มมีความแตกต่างกัน 

ดังนั้น นักการตลาดควรที่จะสามารถปรับเปลี่ยนคอนเทนต์ที่ต้องการสื่อสารออกไปได้อย่างรวดเร็ว เพื่อจะสร้าง Customer Journey ที่มีความสอดคล้องและสร้างปฎิสัมพันธ์ระหว่างผู้บริโภคกับแบรนด์ และนอกจากนั้นการวัดผล และการเรียนรู้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการลงทุนเป็นสิ่งที่สำคัญมากของนักการตลาดยุคนี้

บทสรุปโฆษณาดิจิทัลปี 64  การเติบโตเกินคาด 18% Facebook กุมเงิน 1 ใน 3 ของตลาด

ดร.อาภาภัทร บุญรอด

“เราเห็นว่าแบรนด์ต่าง ๆ ใช้ประโยชน์จากเครื่องมือดิจิตัลที่หลากหลายขึ้นสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้กว้างและengage ได้ดีขึ้น แบรนด์เห็นประโยชน์จากสื่อดิดทัลทั้งการสร้าง awareness และ conversion อีกทั้งยังสามารถวัดผลได้อย่างเป็นรูปธรรม”

ด้าน ภารุจ ดาวราย อุปนายกสมาคมโฆษณาดิจิทัล (ประเทศไทย) ในฐานะผู้รักษาการนายกสมาคมฯ ให้ความเห็นว่า ปี 2564 ที่ผ่านมาถือว่าเป็นปีที่โลกทั้งโลกปรับตัวใช้ชีวิตอยู่กับโควิดได้มากขึ้น ไม่ว่าจะด้วยความจำเป็นของภาคธุรกิจ หรือทัศนคติของผู้คนที่เปลี่ยนไป ส่งผลให้การใช้เงินโฆษณาบนสื่อดิจิทัลพลิกตัวกลับมามีอัตราการเติบโตที่ตัวเลขสองหลักได้อีกครั้ง

“พฤติกรรมการใช้ชีวิตอยู่ในโลกออนไลน์กลายเป็นพฤติกรรมปกติในชีวิตของผู้คน ประกอบกับการตลาดสมัยใหม่ที่เน้นเรื่องการไปจบที่ Transaction ยิ่งทำให้สื่อโฆษณาออนไลน์ที่สามารถติดตามผลลัพธ์ได้และส่งผู้บริโภคไปยังช่องทางการขายบนอีคอมเมิร์ซได้กลายมาเป็นโฟกัสหลักของนักการตลาดสมัยนี้ที่มองเรื่อง Effectiveness แต่สิ่งที่น่าสนใจจากนี้คือปัจจัยต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นในปีนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสงครามในยูเครน อัตราเงินเฟ้อที่ส่งผลมาจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และปัจจัยเรื่องการเมืองในประเทศของเราจะส่งผลกระทบกับการตลาดและโฆษณาขนาดไหน แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ปีนี้น่าจะเป็นอีกปีที่โฆษณาดิจิทัลจะเติบโตต่อไปในอัตราเลขสองหลังได้”