กมธ.ศึกษาผลกระทบดีลซีพี-โลตัส สภาฯ หวั่น ไร้การแข่งขันในตลาดค้าปลีก

กมธ.ศึกษาผลกระทบดีลซีพี-โลตัส  สภาฯ หวั่น ไร้การแข่งขันในตลาดค้าปลีก

กมธ.ศึกษาผลกระทบดีลซีพี-โลตัส สภาผู้แทนราษฏร เผย บอร์ดแข่งขันยึด 4 ประเด็นไฟเขียวซีพี-โลตัส ชี้ควรพิจารณารอบด้าน ไม่เฉพาะแค่กฎหมาย ย้ำ 7 เงื่อนไขไม่ใช่”ยาแรง”คุมการมีอำนาจเหนือตลาด

นาวาอากาศเอก อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาผลกระทบกรณีการควบรวมกิจการโทรคมนาคม ระหว่าง True กับ DTAC และการค้าปลีก - ค้าส่ง สภาผู้แทนราษฎร  กล่าวในรายการ”บทบาทกรรมาธิการฯ”ทางสถานีโทรทัศน์ รัฐสภา  เกี่ยวการศึกษาศึกษาผลกระทบจากการควบรวมกิจการการค้าปลีก – ค้าส่ง ว่า กรรมาธิการฯได้ศึกษาผลกระทบกรณีการควบรวมกิจการระหว่างกลุ่มซีพีและเทสโก้ โลตัส หลังจากที่คณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า(กขค.) หรือบอร์ดแข่งขันทางการค้า ได้มีมติเสียงข้างมากอนุญาตให้มีการควบรวมกิจการ โดยได้เชิญนายสมเกียรติ เกียรติชัยลักษณ์  เลขาธิการคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า  มาชี้แจง ซึ่งทางกขค.ใช้เกณฑ์การพิจารณา  4 ประเด็น คือ 1.ความจำเป็นตามควรทางธุรกิจ 2.ประโยชน์ต่อการส่งเสริมการประกอบธุรกิจ 3.การไม่ก่อให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจส่วนรวม และ 4.ไม่กระทบต่อประโยชน์อันควรมีควรได้ของผู้บริโภคโดยรวม และมีมติเสียงข้างมาก 4 ต่อ3 อนุญาตให้ควบรวมกิจการได้ แต่ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไข 7 ข้อ

ทั้งนี้กรรมาธิการฯเห็นว่า ทางคณะกรรมการแข่งขันทางการค้า ควรจะพิจารณาในหลายมิติไม่ใช่เฉพาะ 4 ประเด็นดังกล่าว เพราะการควบรวมกิจการส่งผลกระทบในหลายด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อควบรวมแล้วทำให้มีส่วนแบ่งการตลาด 70 % สามารถควบคุมตลาดได้ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ทำให้ไม่เกิดการแข่งขันอย่างเสรีและเป็นธรรม ไม่มีผู้เล่นรายใหม่ แม้จะอ้างถึงประโยชน์ต่อการส่งเสริมธุรกิจ และเศรษฐกิจส่วนรวม

 “กรรมาธิการฯไม่ได้ชี้ว่า การอนุญาตให้ควบรวมถูกหรือผิด แต่ควรต้องพิจารณากฎหมายให้รอบคอบและครบถ้วนเพื่อประโยชน์ของประเทศและไม่ส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคอย่างมีนัยะสำคัญ”นาวาอากาศเอก อนุดิษฐ์ กล่าว

นายกนก วงษ์ตระหง่าน กรรมาธิการ ฯ กล่าวว่า บอร์ดแข่งขันทางการค้าพิจารณาในมิติของกฎหมาย ไม่ได้พิจารณาถึงพฤติกรรม ว่าจะทำให้เกิดผลเสียอย่างไร เช่น ส่วนแบ่งการตลาด ที่บางประเทศเห็นว่า 70 %ก็ถือว่า เป็นผู้มีอำนาจเหนือตลาดแล้ว เป็นต้น อีกทั้งบอร์ดแข่งขันทางการค้าก็ใช้ดุลพินิจของแต่ละคนตีความกฎหมาย  ซึ่งกรรมาธิการฯมีข้อสังเกตว่า บอร์ดแข่งขันทางการค้าให้น้ำหนักของการแข่งขันที่เสรีและเป็นธรรม การมีอำนาจเหนือตลาดน้อยเกินไป แต่กลับไปเน้นเศรษฐกิจ

ในส่วนของเงื่อนไข 7 ข้อที่ต้องปฏิบัติตามหลังการควบรวมกิจการ ก็เป็นเงื่อนไขที่เบามาก เช่น ห้ามมิให้ผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับอนุญาตให้รวมธุรกิจและผู้ประกอบธุรกิจที่มีสถานะเสมือนเป็นหน่วยธุรกิจเดียวกัน กระทำการรวมธุรกิจกับผู้ประกอบธุรกิจรายอื่นในตลาดร้านค้าปลีกค้าส่งสมัยใหม่สินค้าอุปโภคบริโภค เป็นระยะเวลา 3 ปี ทั้งนี้ ไม่รวมถึงตลาดอีคอมเมิร์ซ (E-Commerce)   ซึ่งระยะเวลาห้ามน้อยเกินไปควรเป็น 20 ปีหรือห้ามไปเลย  และการไม่รวมตลาดอีคอมเมิร์ซก็ไม่ควรเช่นกันเพราะทิศทางในอนาคตเป็นตลาดออนไลน์