10 เรื่องกวนใจคนไทย ทนไม่ไหวต้องไปร้องเรียน

10 เรื่องกวนใจคนไทย ทนไม่ไหวต้องไปร้องเรียน

เรื่องปวดหัวและกวนใจคนเรามีอยู่ไม่น้อย ซึ่งเรื่องกวนใจใดที่กวนใจคนไทยจนทนไม่ไหวต้องร้องเรียนผ่านช่องทางรัฐบาล ซึ่งที่ประชุมครม.เมื่อเร็วๆนี้ ได้รับทราบและสรุปปมปัญหามาให้แล้ว

เมื่อเร็วนี้ คณะรัฐมนตรี(ครม.)มีมติรับทราบและเห็นชอบตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) เสนอสรุปผลการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์และรับข้อคิดเห็นจากประชาชน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 พร้อมผลการวิเคราะห์เรื่องร้องทุกข์และรับข้อคิดเห็น

โดยมีสรุปผลการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์และรับข้อคิดเห็นจากประชาชน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 ผ่านช่องทางการร้องทุกข์ 1111รวมจำนวน 101,691 เรื่องสามารถดำเนินการจนได้ข้อยุติ 95,024 เรื่องคิดเป็น 93.44% และรอผลการพิจารณาของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 6,667 เรื่อง คิดเป็น 6.56%

10 เรื่องกวนใจคนไทย ทนไม่ไหวต้องไปร้องเรียน

หน่วยงานที่ได้รับการประสานงานเรื่องร้องทุกข์และรับข้อคิดเห็นมากที่สุด 5 ลำดับแรกดังนี้

1.ส่วนราชการได้แก่ กระทรวงการคลัง 8,017 เรื่อง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ 4,901 เรื่อง กระทรวงสาธารณสุข 4,812 เรื่อง กระทรวงแรงงาน 4,655 เรื่อง และกระทรวงคมนาคม 1,258 เรื่อง

2.รัฐวิสาหกิจได้แก่ ธนาคารออมสิน 566 เรื่อง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค 457 เรื่อง การประปาส่วนภูมิภาค 425 เรื่อง องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ 416 เรื่อง และบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) 407 เรื่อง

3.องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.) และจังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร 7,301 เรื่อง จังหวัดนนทบุรี 1,403 เรื่อง จังหวัดสมุทรปราการ 1,216 เรื่อง จังหวัดปทุมธานี 1,044 เรื่อง และจังหวัดชลบุรี 939 เรื่อง

 ขณะที่ประเด็นเรื่องร้องทุกข์ที่ประชาชนยื่นเรื่องมากที่สุด 10 ลำดับแรกได้แก่

1.การรักษาพยาบาลเช่น มาตรการป้องกันและเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) การเร่งจัดสรรวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ให้กับประชาชนโดยเร็ว และการจัดสถานที่เพื่อรองรับผู้ป่วยติดเชื้ออย่างเพียงพอ (19,631 เรื่อง)

2.การเสนอข้อคิดเห็นเกี่ยวกับนโยบายและโครงการของรัฐเช่น หลักเกณฑ์ คุณสมบัติ การลงทะเบียน และวิธีการจ่ายเงินในโครงการช่วยเหลือเยียวยาต่าง ๆ ของรัฐ และการช่วยเหลือเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโรคโควิด-19 (7,404 เรื่อง)

3.ค่าครองชีพเช่น หลักเกณฑ์การรับเงินเยียวยาของโครงการเราชนะ และ “ม.33 เรารักกัน” และมาตรการช่วยเหลือเยียวยากลุ่มเปราะบางและผู้ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 (5,512 เรื่อง)

4.เสียงรบกวน/สั่นสะเทือนเช่น การแก้ไขปัญหามลภาวะทางเสียงจากสถานบันเทิง สถานประกอบการ ร้านอาหาร บ้านเรือน และวัยรุ่นมั่วสุมดื่มสุราและรวมกลุ่มแข่งขันรถจักรยานยนต์ส่งเสียงดังรบกวน (4,533 เรื่อง)

5.โทรศัพท์เช่น การปรับปรุงระบบการให้บริการทางโทรศัพท์ของหน่วยงานที่รับผิดชอบ Line Official Account (“หมอพร้อม” กรมควบคุมโรค กรมสรรพากร ฯลฯ) และการปรับปรุงการให้บริการทางโทรศัพท์ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 (3,567 เรื่อง)

6.ไฟฟ้าเช่น การแก้ไขปัญหากระแสไฟฟ้าขัดข้องและการขยายเขตการให้บริการไฟฟ้า (3,488 เรื่อง)

7.การเมืองเช่น การชุมนุมทางการเมือง และการแก้ไขกฎหมายรัฐธรรมนูญ (2,785 เรื่อง)

8.น้ำประปาเช่น การแก้ไขปัญหาน้ำประปาไม่ไหลและไม่มีคุณภาพ และมาตรการบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายค่าน้ำประปาสำหรับประชาชนทั่วไป เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 (2,714 เรื่อง)

9.บ่อนการพนันเช่น การแจ้งเบาะแสการลักลอบเปิดบ่อนและเล่นการพนัน (2,447 เรื่อง)

10.ถนนเช่น การปรับปรุงซ่อมแซม/ก่อสร้างถนนและการปรับปรุงถนนลูกรังเป็นถนนลาดยางแอสฟัลต์หรือถนนคอนกรีต (1,864 เรื่อง)

ทั้งนี้ที่ประชุมได้กำหนดการเพิ่มศักยภาพในการบริหารจัดการเรื่องร้องทุกข์พร้อมขอความร่วมมือให้เชื่อมโยงระบบฐานข้อมูลการจัดการเรื่องร้องทุกข์ของ สปน. ในฐานะศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล เพื่อให้เกิดระบบฐานข้อมูลเรื่องร้องทุกข์เดียวกันในภาพรวมของประเทศ สอดคล้องกับการจัดตั้งศูนย์รับเรื่องร้องเรียนแบบเบ็ดเสร็จตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2564 เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงช่องทางการรับเรื่องร้องทุกข์ได้อย่างสะดวก รับรู้ขั้นตอน ความคืบหน้า และรับทราบผลการดำเนินการได้อย่างรวดเร็วในจุดเดียว