ยังกังวลสงคราม (ประจำวันที่ 8 มีนาคม 2565)

ยังกังวลสงคราม (ประจำวันที่ 8 มีนาคม 2565)

วันจันทร์ที่ผ่านมา ดัชนีปรับตัวลงต่อเนื่อง ลบต่ำสุดราว -56 จุด เป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นต่างประเทศ ปัจจัยกดดัน มาจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ทำให้ราคาสินค้า Commodity หลายประเภทปรับตัวสูง

โดยเฉพาะน้ำมันดิบ ซึ่งเป็นต้นทุนการผลิตสินค้าหลายๆอย่าง ทำให้กดดันการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ หุ้นขนาดใหญ่ที่ยืนในแดนบวก มีเพียง PTTEP และ BANPU ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,626.70 จุด -45.02 จุด -2.69% มูลค่าการซื้อขาย 127,806 ลบ. ต่างชาติ -2,293.61 ลบ. TFEX -27,641 สัญญา ตราสารหนี้ -10,345.44 ลบ.

 

ปัจจัยบวก    

+ สัญญาน้ำมันดิบ WTI พุ่งขึ้น 3.72 ดอลลาร์ +3.2% ปิดที่ 119.40 ดอลลาร์/บาร์เรล แตะระดับสูงสุดในรอบ 14 ปีหลังมีรายงานว่าสหรัฐและชาติพันธมิตรในยุโรปกำลังพิจารณาระงับการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียเพื่อตอบโต้รัสเซียที่ใช้กำลังทหารรุกรานยูเครน
+ จีนพร้อมประสานความร่วมมือกับประชาคมโลก ในกรณีที่จำเป็นต้องมีคนกลางในการไกล่เกลี่ยความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน
+ รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยว่า รัฐบาลได้ส่งเสริมให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วนที่สำคัญของโลก
+ ก.พาณิชย์คาดปี 2565 สินค้าสำหรับผู้สูงอายุเติบโต 19% ส่งออกนำรายได้เข้าประเทศประมาณ 3.2 หมื่นล้านบาท รถเข็น ฟันปลอม เครื่องช่วยฟัง เก้าอี้นั่งสุขา อนาคตสดใส
+/- ศบค.รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศวันนี้ พบผู้ติดเชื้อรายใหม่รวม 18,943 ราย ATK 19,622 ราย มีผู้เสียชีวิต 69 ราย รักษาหาย 25,005 ราย

 

ปัจจัยลบ 

- ดัชนีดาวโจนส์ปิดร่วงลง 797.42 จุด -2.37% กังวลว่าการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันจากสงครามรัสเซีย-ยูเครนจะผลักดันให้อัตราเงินเฟ้อพุ่งขึ้นและส่งผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ
- IMF ประกาศเตือนถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจจากวิกฤตยูเครนว่าความขัดแย้งในยูเครนทำให้ราคาพลังงานและธัญพืชพุ่งสูงขึ้น อีกทั้งยังมีผู้อพยพกว่า 1 ล้านคนไหลเข้าสู่ประเทศเพื่อนบ้าน และทำให้ชาติตะวันตกประกาศคว่ำบาตรที่รุนแรงที่สุดต่อรัสเซีย
 

 

- ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ กล่าวว่า สภาฯ กำลังศึกษาการออกกฎหมายห้ามนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย ขณะที่สภาคอง เกรสมีแผนที่จะออกกฎหมายให้ความช่วยเหลือแก่ยูเครนเป็นมูลค่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์ในสัปดาห์นี้ เพื่อตอบโต้รัสเซียกรณีใช้กำลังทหารบุกโจมตียูเครน
- เงินรูเบิลอ่อนค่าแตะระดับต่ำสุดเมื่อเทียบกับดอลลาร์ หลังมีปริมาณการซื้อขายนอกประเทศเบาบาง ขณะที่ตลาดหลักทรัพย์ในประเทศปิดการซื้อขายไปอย่างน้อยจนถึงวันพุธนี้
- สำนักข่าวทาสส์ของทางการรัสเซียเปิดเผยว่า รัฐบาลของสหพันธรัฐรัสเซียอนุมัติรายชื่อประเทศซึ่งมีการกระทำที่ไม่เป็นมิตรต่อรัสเซีย บริษัทของรัสเซีย และประชาชนรัสเซีย
- ตัวเลขเงินเฟ้อในไทยมีแนวโน้มพุ่งแรงต่อเนื่องในเดือนมี.ค.ตามราคาน้ำมันที่พุ่งแรงหลังเกิดสถานการณ์ตึงเครียดรัสเซีย-ยูเครน กดดันต้นทุนพลังงานและการดำเนินงานของบจ.ในช่วงไตรมาสแรกปีนี้ คาดจะเห็นนักวิเคราะห์ปรับลดประมาณการปีนี้

 

แนวโน้มตลาดวันนี้

คาดดัชนีในวันนี้ปรับตัวลงต่อตามทิศทางตลาดโลก โดยมีความวิตกกังวลจากการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน จะผลักดันให้อัตราเงินเฟ้อพุ่งขึ้น ประกอบกับมีความเสี่ยงที่รัสเซียจะผิดนัดชำระหนี้หลังโดนคว่ำบาตร มองกรอบดัชนีในวันนี้ที่ 1,615-1,640

 

กลยุทธ์การลงทุน  

• หุ้น Value Play : KBANK BBL SCB EA GULF ADVANC TRUE DTAC
• มาตรการอุดหนุน EV : EA NEX BYD GPSC NDR
• กรณีสงครามยืดเยื้อ ราคาน้ำมันทรงตัวในระดับสูง บวกต่อ PTTEP PTTGC TOP , สินค้าเกษตร ข้าวสาลี และกากถั่วเหลืองขึ้น เป็นบวกต่อ TMILL TVO และเป็นลบต่อธุรกิจอาหารสัตว์ทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้น CPF GFPT ASIAN

 

 

หุ้นรายงานพิเศษ

                                                     SMD ซื้อ ราคาเหมาะสม 20.80

ยังกังวลสงคราม (ประจำวันที่ 8 มีนาคม 2565)

 

•ผู้บริหารตั้งเป้ารายได้ปี 65 เติบโต 13%YoY สู่ 1.8 พันลบ. โดยได้แรงหนุนจากงบประมาณของภาครัฐอนุมัติงบราว 5 พันลบ.เพื่อซื้อครุภัณฑ์ทางการแพทย์สำหรับผู้ป่วย COVID-19 การขายชุดตรวจ ATK ที่เร่งตัวขึ้นใน 1Q65 และการขายเครื่องกระตุกหัวใจ (AED) ให้แก่ตึกที่สูงกว่า 8 ชั้น ขณะที่คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะปรับตัวดีขึ้นจาก 4Q64 ที่ 28.5% เนื่องจากเกิดการประหยัดจากขนาดในการสั่งซื้อ ATK เพิ่มขึ้นช่วยหนุนอัตรากำไรขั้นต้น

•ความเห็น เราคาดว่าผลประกอบการได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วใน 4Q64 เนื่องจากใน 1Q65 ต้นทุนชุดตรวจ ATK ลดลงจากคำสั่งซื้อปริมาณเพิ่มขึ้น อีกทั้งการแพร่ระบาดของ COVID-19 ช่วยหนุนยอดขายของชุดตรวจ ATK ให้เติบโต (4Q64 ยอดขาย 90 ลบ.) อย่างไรก็ตาม เราคาดว่ารายได้และกำไรปี 65 จะลดลงเหลือ 1.44 พันลบ. และ 290 ลบ.หดตัว 10% และ 9% ตามลำดับเนื่องจากเราใช้หลักระมัดระวังว่าคำสั่งซื้อครุภัณฑ์จะลดลงเมื่อการแพร่ระบาด COVID-19 สามารถควบคุมได้

 

หุ้นมีข่าว

(+) TTA (Bloomberg Consensus 12.70 บาท) มั่นใจปีนี้รายได้เติบโตกว่าปีก่อน ประเมินค่าขนส่งเฉลี่ยทั้งปี 25,000-30,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อลำต่อวัน พร้อมโชว์คำสั่งซื้อธุรกิจ Offshore ล่าสุดอยู่ที่ 292 ล้านดอลลาร์สหรัฐ รับรู้ปีนี้ 65% ทุ่ม 1,500 ล้านบาท แตกไลน์ 3 ธุรกิจ “ตั้งสายการบิน-เรือขนส่งก๊าซปิโตรเลียมเหลวฯ-รื้อถอนสิ่งติดตั้งในกิจการสำรวจและผลิตปิโตรเลียม” เล็งตั้งบริษัท แอร์ไลน์แบบเช่าเหมาลำ คาดอีก 9 เดือนเริ่มให้บริการได้ (ที่มา ข่าวหุ้น)

(+) SAWAD (Bloomberg Consensus 72.00 บาท)แกรนด์โอเพนนิ่ง “ศรีสวัสดิ์ เดอะพาวเวอร์” ผนึกพันธมิตรยักษ์ใหญ่เครื่องใช้ไฟฟ้าชั้นนำทั่วประเทศ ลุยตลาดสินเชื่อเครื่องใช้ไฟฟ้าภายใต้คอนเซ็ปต์ “Buy Now Pay Later” ซื้อก่อนจ่ายที่หลังเจาะกลุ่มมนุษย์เงินเดือน ฟรีแลนซ์ และผู้เข้าถึงแหล่งเงินกู้ได้ยาก ตั้งเป้า 5 ปีพอร์ตเครื่องใช้ไฟฟ้าแตะ 10,000 ล้านบาท (ที่มา ข่าวหุ้น)

(+) NRF (Bloomberg Consensus 8.50 บาท) ยันสงครามรัสเซีย-ยูเครน ไม่กระทบ เหตุไม่มียอดขายไปยังประเทศดังกล่าว แย้มผลงานไตรมาส 1/2565 ดีกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน ทั้งปีคาดเติบโต 50-70% เล็งปิดดีลอีคอมเมิร์ซเร็วๆ นี้ 1 ดีล หนุนโอกาสต่อยอดเติบโต ฟากโบรกมองผลงานปี 2565 โดดเด่น ส่วนแบ่ง Plant & Bean คาดจะพลิกมีกำไร ลงทุนธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ร่วมกับ B เป็นอัพไซด์ ราคาเป้าหมาย 9.25 บาท (ที่มา ทันหุ้น)

(+) MINT (Bloomberg Consensus 38.75 บาท) ตั้งเป้าปี 2565 ผลประกอบการพลิกกลับมามีกำไร จาก 3 ธุรกิจหลักฟื้นตัวดีขึ้น พร้อมตั้งงบลงทุน 6.4 พันล้านบาท ใช้ก่อสร้างโรงแรมที่ดำเนินการอยู่ เล็งออกหุ้นกู้วงเงิน 7 พันล้านบาท รีไฟแนนซ์หุ้นกู้เดิมที่จะครบอายุ มองสงครามรัสเซีย-ยูเครน ไม่กระทบ ฟากโบรกมองปี 2565 ธุรกิจฟื้นตัวเกิดอัพไซด์ คาดกำไรกลับมาที่ 2.5 พันล้านบาท โรงแรมฟื้นยุโรปยกเลิกมาตรการคุมโควิด ประเมินราคาเป้าหมาย 43 บาท (ที่มา ทันหุ้น)