กรมชล วางมาตรการรับมือน้ำทะเลหนุนสูง

กรมชล วางมาตรการรับมือน้ำทะเลหนุนสูง

กรมชลประทาน เร่งสกัดค่าความเค็มแม่น้ำเจ้าพระยา หวั่นน้ำทะเลหนุนสูงช่วงแล้งกระทบ ประชาชน – พื้นที่เกษตรกรรม ผนึก หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง วิเคราะห์สถานการณ์น้ำ จัดทำแผนปฏิบัติการ

นาย ประพิศจันทร์มา อธิบดี  กรมชลประทาน เปิดเผยว่า ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั่วประเทศ  เช่น กรมอุตุนิยมวิทยา กรมทรัพยากรน้ำ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย สำนักการระบายน้ำของ กทม. การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) เพื่อติดตามและวิเคราะห์สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำ แหล่งน้ำ และแม่น้ำสายหลักต่าง ๆ รวมถึงค่าความเค็มที่อาจจะมากขึ้นในช่วงฤดูแล้ง  โดยต้องเฝ้าระวังอย่างรัดกุม  เพื่อลดผลกระทบกับประชาชนให้มากที่สุด

 

กรมชล วางมาตรการรับมือน้ำทะเลหนุนสูง

ทั้งนี้ มาตรการควบคุมค่าความเค็ม  กรมชลประทาน วางแผนการระบายน้ำ จากเขื่อนเจ้าพระยา และเขื่อนพระรามหก ให้สอดคล้องกับระดับการขึ้นลงของน้ำทะเล โดยกำชับสำนักชลประทานที่ 10,11 และ 12 บริหารจัดการประตูระบายน้ำและอาคารเชื่อมต่อที่ดูแลโดยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตามแผนที่วางไว้

 

 รวมทั้งได้ร่วมกับสำนักระบายน้ำของกทม. กำหนดแนวทางในการระบายน้ำจากพื้นที่กทม.ลงแม่น้ำเจ้าพระยาในช่วงน้ำลง และใช้ประตูระบายน้ำคลองลัดโพธิ์อันเนื่องมาจากพระราชดำริ บริหารจัดการน้ำตามจังหวะการขึ้นลงของน้ำทะเลด้วย

นอกจากนี้ กรมชลประทาน ยังร่วมกับการประปานครหลวง ในการใช้สถานีสูบน้ำแนวริมแม่น้ำเจ้าพระยา ร่วมปฏิบัติการผลักดันลิ่มน้ำเค็ม( Water Hammer Operation) เพื่อรักษาระดับความเค็มในแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณสถานีสูบน้ำดิบสำแลไม่ให้เกินมาตรฐาน

ซึ่งมาตรการต่างๆเหล่านี้ได้ ดำเนินการร่วมกันมาตลอดในช่วงระยะเวลา 2 ปี ที่ผ่านมา และหากเกิดกรณีวิกฤตความเค็มสูงเกินค่าที่อาจกระทบกับเกษตรกรและประชาชน กรมชลประทานจะผันน้ำจากลุ่มน้ำแม่กลองประมาณ 1,000 ล้านลบ.ม. เพื่อควบคุมความเค็มได้อีกทางหนึ่งด้วย

                อย่างไรก็ตาม ในช่วงฤดูแล้งจะเกิดภาวะน้ำทะเลหนุนเป็นช่วงๆ ได้เน้นย้ำให้โครงการชลประทานในพื้นที่เฝ้าระวังน้ำทะเลหนุนสูงและความเค็มรุกตัวบริเวณแม่น้ำเจ้าพระยาอย่างใกล้ชิด พร้อมกำชับให้ทุกโครงการชลประทานทั่วประเทศ บริหารจัดการน้ำในช่วงฤดูแล้งนี้ ด้วยความประณีตและเกิดประโยชน์สูงสุด ควบคู่ไปกับการเตรียมความพร้อมรับมือฤดูฝนในอีก 2 เดือนข้างหน้าด้วย

ทั้งนี้ ค่าความเค็ม  ไม่ควรสูงเกิน 0.25 กรัม/ลิตร  ซึ่งเป็นเกณฑ์เฝ้าระวังเพื่อไม่ให้กระทบด้านการอุปโภคบริโภค และไม่ให้เกิน 2.0 กรัม/ลิตร เป็นเกณฑ์เฝ้าระวังเพื่อไม่ให้กระทบด้านการเกษตร ใน 4 แม่น้ำสายหลัก ที่ค่าความเค็มอาจสูงตามช่วงการหนุนของน้ำทะเล คือ แม่น้ำแม่เจ้าพระยาบริเวณ สถานีสูบน้ำสำแล , แม่น้ำท่าจีนบริเวณปากคลองจินดา , แม่น้ำแม่กลอง บริเวณคลองดำเนินสะดวก จังหวัดสมุทรสาคร และ แม่น้ำบางปะกง  บริเวณอำเภอบ้านสร้าง จังหวัดปราจีนบุรี