ASIAN ปลื้มทริสเรทติ้งปรับเพิ่มอันดับเครดิตเป็น “BBB” แนวโน้ม “Stable"

ASIAN ปลื้มทริสเรทติ้งปรับเพิ่มอันดับเครดิตเป็น “BBB” แนวโน้ม “Stable"

"เอเชี่ยนซี" เผยทริสเรทติ้งเพิ่มอันดับเครดิตองค์กร เป็น “BBB” จาก “BBB-” ด้วยแนวโน้ม “Stable” สะท้อนผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งต่อเนื่อง กางแผนปี 65ขยายกำลังการผลิตเพิ่มเป็น 42,000 ตันต่อปี จาก 38,000 ตันต่อปี จับตานำบริษัทย่อย AAI เข้ามาระดมทุนสยายปีกโตใน SET

นายเอกกมล ประสพผลสุจริต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการเงินบริษัท เอเชี่ยนซี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ASIAN เปิดเผยว่า นับเป็นข่าวดีของบริษัทฯ ล่าสุดบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้ปรับเพิ่มอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท เอเชี่ยนซี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เป็นระดับ “BBB” จากเดิมที่ระดับ “BBB-” ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” 

ทั้งนี้ การเพิ่มอันดับเครดิตดังกล่าว สะท้อนถึงผลการดำเนินงานที่ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง รวมถึงการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจนของสัดส่วนผลิตภัณฑ์ของบริษัทจากสินค้าโภคภัณฑ์มาเป็นผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยง การฟื้นตัวในอุตสาหกรรมแปรรูปอาหารทะเลแช่แข็งอย่างค่อยเป็นค่อยไปหลังจากการผ่อนคลายมาตรการจำกัดการเดินทางทั่วโลก การปรับปรุงประสิทธิภาพและการควบคุมค่าใช้จ่ายของบริษัทที่ดีขึ้น 

นอกจากนี้ อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงสถานะทางการตลาดของบริษัทในการเป็นผู้ผลิตอาหารสัตว์และผู้แปรรูปอาหารทะเลขนาดกลางในประเทศไทย รวมถึงความหลากหลายของผลิตภัณฑ์และการมีตลาดที่ครอบคลุมหลายพื้นที่ 


โดยทริสเรทติ้ง คาดว่า ASIAN จะยังคงมีผลประกอบการที่แข็งแกร่ง ท่ามกลางความท้าทายที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต นับจากนี้กลยุทธ์ที่บริษัทใช้ในการรักษาอัตรากำไร คือการมุ่งขยายผลิตภัณฑ์กลุ่มอาหารสัตว์แบบเปียก และผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่ม ทริสเรทติ้งคาดหวังว่า รายได้ของบริษัทที่มาจากธุรกิจอาหารสัตว์จะเพิ่มขึ้น

ตลอดจนกลยุทธ์ที่มุ่งเน้นการพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตและการลดต้นทุนรวมทั้งการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและอุปสงค์ที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างมากในตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงจะช่วยรักษาผลการดำเนินงานของบริษัทให้เป็นที่น่าพอใจในระยะ 2- 3 ปีข้างหน้าได้

ทั้งนี้ ในปี 2565 บริษัทฯ วางแผนจะขยายกำลังการผลิตต่อปีให้เป็น 42,000 ตัน จาก 38,000 ตัน เพื่อตอบสนองต่ออุปสงค์อาหารสัตว์เลี้ยงที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า วางกลยุทธ์ที่จะออกผลิตภัณฑ์ใหม่มากกว่าปีละ 200 ชิ้น เพื่อขยายฐานลูกค้าในหลากหลายภูมิภาค

พร้อมทั้งมีการสร้างแบรนด์ของตนเอง และเจาะตลาดกลุ่มลูกค้าอาหารสัตว์แบบเปียกและขยายไปยังอาหารสัตว์เลี้ยงแบบเม็ดในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า โดยให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่มบริษัทมีความพยายามที่จะเพิ่มผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่มในหมวดอาหารทะเลแช่แข็งพร้อมทั้งขยายไปในตลาดโลกมากขึ้น 


นอกจากนี้ บริษัทฯ วางแผนจะนำ บริษัท เอเชี่ยนอะไลอันซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (AAI) ซึ่งดำเนินธุรกิจผลิตทูน่าและอาหารสัตว์เลี้ยงเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2565 บริษัทมีจุดมุ่งหมายที่จะเสนอขายหุ้นสามัญออกใหม่ของ AAI ผ่านวิธีการเสนอขายหุ้นใหม่แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO)

พร้อมทั้งมีการจัดสรรหุ้นออกใหม่ให้กับผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทด้วย ทั้งนี้ คาดว่า AAI และบริษัทจะได้รับรายได้สุทธิจากการระดมทุนครั้งนี้จำนวนประมาณ 3,000 ล้านบาท ซึ่งบริษัทคาดว่าจะนำรายได้นี้ไปใช้ในการจ่ายชำระหนี้ระยะยาวที่เหลือของบริษัท รวมทั้งนำไปใช้ในการขยายกำลังการผลิตของกิจการ และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัทด้วย