สรรพสามิตเตรียมลงนามความร่วมมือกับค่ายรถยนต์ที่เข้าร่วมมาตรการส่งเสริมรถอีวี​ภายในมี.ค.นี้

สรรพสามิตเตรียมลงนามความร่วมมือกับค่ายรถยนต์ที่เข้าร่วมมาตรการส่งเสริมรถอีวี​ภายในมี.ค.นี้

สรรพสามิตเตรียมลงนามความร่วมมือกับค่ายรถยนต์ที่เข้าร่วมมาตรการส่งเสริมรถอีวี​ภายในมี.ค.นี้ จากนั้นค่ายรถสามารถจัดโปรโมชั่นขายได้ทันที​ เผยศึกษาเก็บภาษีคาร์บอนแท็ก​

นายลวรณ แสงสนิท อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า ตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติมาตรการส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า กรมสรรพสามิตจะออกประกาศภาษีที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการต่อไป โดยคาดว่าจะมีการลงนามสัญญาความร่วมมือกับค่ายรถยนต์ที่เข้าร่วมโครงการได้ในช่วงเดือนมี.ค.65 และค่ายรถยนต์จะสามารถจัดโปรโมชั่นส่งเสริมการขายออกมาได้เลย 

โดยในปีแรกใช้งบประมาณในการอุดหนุน 3,000 ล้านบาท และหากมีความต้องการมากกว่านั้น จะมีการพิจารณาขอขยายกรอบงบประมาณอีกครั้ง ส่วนวงเงินที่เหลืออีก 40,000 ล้านบาท ครม.ได้มอบหมายให้กระทรวงการคลัง และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เป็นผู้จัดหาแหล่งงบประมาณ

ทั้งนี้ ตั้งเป้าหมายว่าในปี 2573 ต้องมีการผลิตรถยนต์อีวี 30% ของกำลังการผลิตรถน้ำมันสำหรับมาตรการส่งเสริมการใช้รถอีวีในครั้งนี้ แตกต่างจากรถยนต์คันแรก โดยเป็นการให้เงินส่วนลดตั้งแต่ 70,000-150,000 บาท ให้ค่ายรถยนต์ที่ทำสัญญาเข้าร่วมโครงการกับกรมไปจัดทำโปรโมชั่นส่งเสริมการขายเอง เช่น รถที่นำเข้าจากจีน ราคา 1 ล้านบาท หากทำสัญญาการเข้าร่วมโครงการร่วมกับกรมแล้ว จะได้ส่วนลด 150,000 บาท โดยบริษัทจะต้องมีการสำแดงหลักฐานการซื้อขาย แล้วหากตรวจสอบแล้วว่าปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดแล้ว กรมจะมีการคืนเงินให้เป็นรายไตรมาสต่อไป 

“ใน 1-2 ปีแรก เป็นการทดลองตลาด โดยให้ผู้ประกาศจำหน่ายรถยนต์ จนรู้ว่ารถยนต์รุ่นไหนเป็นรุ่นที่ได้รับความนิยม เหมาะที่จะนำมาผลิตในประเทศไทย แต่ในปีที่ 3-4 จะต้องมีการผลิตรถยนต์อีวีในประเทศชดใช้คืนตามจำนวนที่นำเข้ามา ซึ่งหากไม่สามารถทำได้ตามสัญญาก็จะมีบทลงโทษ รวมทั้งมีค่าปรับด้วย แต่เบื้องต้นที่มีการหารือกับค่ายรถยนต์ ก็มีผู้ประกอบการค่ายรถยนต์หลายค่ายให้ความสนใจเข้ามาร่วมโครงการ” 

ทั้งนี้ นอกจากในเรื่องเงินอุดหนุนเพื่อสร้างแรงจูงใจให้คนหันมาใช้รถยนต์อีวีแล้ว หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็มีการดูแลเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อให้มั่นใจว่าสามารถขับรถอีวีไปได้ทุกที่ รวมทั้งในเรื่องอัตราค่าไฟที่ชาร์จรถอีวีด้วย ขณะที่ชิ้นส่วนต่างๆ ของรถยนต์นั้น มีการยกเว้นภาษีนำเข้าให้ 

เขากล่าวด้วยว่า เมื่อนโยบายการใช้รถยนต์อีวีมีความชัดเจนขึ้น การใช้น้ำมันก็จะลดลงไปด้วย ฉะนั้น ภาษีคาร์บอน หรือ Carbon Tax จะเข้ามาแทนที่ ซึ่งจะเป็นความท้าทายในการจัดเก็บภาษีของกรม โดยขณะนี้กรมก็อยู่ระหว่างการศึกษาการจัดเก็บภาษีดังกล่าว เพื่อเป็นแนวทางที่จะนำมาใช้ในอนาคต 

“ตอนนี้เราเริ่มศึกษาภาษีคาร์บอน ซึ่งจะไม่ได้ออกมาเร็วมาก ซึ่งเรามองว่าเรื่องน้ำมันอาจจะไปสู่จุดสูงสุดในระยะเวลาอันสั้น  และจากนั้นการใช้น้ำมันอาจจะเริ่มค่อยๆ ลดลง และภาษีคาร์บอนจะเข้ามาแทน กรมจึงศึกษาเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด โดยเราไม่ใช่ประเทศแรกที่มีแนวทางจัดเก็บภาษีในเรื่องนี้ ในต่างประเทศก็มีตัวอย่างที่ทำเรื่องนี้อยู่แล้ว”

ทั้งนี้ ภาษีคาร์บอนนั้น จะไม่ได้เก็บภาษีจากผู้ใช้รถยนต์อีวี เนื่องจากรถยนต์อีวีใช้พลังงานสะอาดไม่มีการผลิตก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งกรมจะเข้าไปดูในส่วนของโรงงานต่างๆ มากกว่าว่าปล่อยคาร์บอนมากเพียงใด เพื่อเป็นการคำนวณคิดอัตราภาษี เป็นต้น 

 

 

พิสูจน์อักษร  โดย....สุรีย์  ศิลาวงษ์