BTSGIF จ่ายเงินคืนทุน 0.089 บาทต่อหน่วย วันที่ 14 มี.ค. นี้

BTSGIF จ่ายเงินคืนทุน 0.089 บาทต่อหน่วย วันที่ 14 มี.ค. นี้

BTSGIF จ่ายเงินคืนทุน 0.089 บาทต่อหน่วย วันที่ 14 มี.ค. นี้ ลุ้นเศรษฐกิจฟื้น สถานการณ์โควิดคลี่คลาย หนุนการโดยสารรถไฟฟ้าดีขึ้น

นายพรชลิต  พลอยกระจ่าง  รองกรรมการผู้จัดการ  Head of Real Estate & Infrastructure Investment บล.บัวหลวง หรือ BBLAM เปิดเผยว่า กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานระบบขนส่งมวลชนทางราง บีทีเอสโกรท (BTSGIF) เตรียมนำเงินสดจากการดำเนินงาน สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีตั้งแต่วันที่  1 เมษายน 2564  ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2564  จำนวน 515.1 ล้านบาท จ่ายให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนในรูปการคืนเงินทุนจดทะเบียนหน่วยละ 0.089 บาท  ด้วยการลดมูลค่าที่ตราไว้ จากหน่วยละ  9.643 บาท เหลือหน่วยละ 9.554 บาท

โดยกำหนดวันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วยลงทุน เพื่อกำหนดสิทธิในการรับคืนเงินทุนในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2565 และจ่ายคืนเงินทุนให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนในวันที่ 14 มีนาคม 2565

ทั้งนี้ ในรอบระยะเวลาบัญชีตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2564 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2564 (ไตรมาสที่ 3 ปี 2564/2565) กองทุน BTSGIF มีขาดทุนสะสมอยู่ที่ 10,247.1 ล้านบาท จึงยังไม่สามารถจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหน่วยลงทุนในงวดนี้ได้ อนึ่ง จากสถานการณ์เศรษฐกิจไทยที่กำลังฟื้นตัว ประเทศไทยเริ่มกลับมาเปิดกิจกรรมเศรษฐกิจต่างๆ รวมถึงการกลับมาเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ  ขณะที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19   อยู่ในระดับที่ควบคุมได้ดีขึ้น  มีการกระจายวัคซีนทั่วถึง การรักษาพยาบาลรองรับได้ดีขึ้น ก็คาดว่าจะส่งผลให้การดำเนินงานในระบบรถไฟฟ้า BTS มีแนวโน้มที่ดีขึ้นตามลำดับ ซึ่งจะส่งผลให้กองทุน BTSGIF กลับมาจ่ายเงินให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนได้เพิ่มขึ้นในอนาคต

 สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานในช่วงเดือนตุลาคม - ธันวาคม 2564 (ไตรมาสที่ 3 ปี 2564/2565) กองทุน BTSGIF มีรายได้จากการลงทุนสุทธิ 377.9 ล้านบาท แม้จะลดลง 52.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า แต่เพิ่มขึ้นถึง  60.1  เท่าจากไตรมาสก่อนหน้า  เนื่องจากสถานการณ์โควิดที่บรรเทาลง  

ส่วนรายได้จากการลงทุนสุทธิงวด  9 เดือน คือเดือนเมษายน – ธันวาคม 2564 อยู่ที่ 518.9 ล้านบาท ลดลง 68.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่อัตรากำไรจากรายได้จากการลงทุนสุทธิ ไตรมาสที่ 3 ปี 2564/2565 อยู่ที่ 96.3% ส่วนอัตรากำไรจากรายได้จากการลงทุนสุทธิงวด 9 เดือน ปี 2564/2565 เท่ากับ 91.1% 


ทั้งนี้ จำนวนผู้โดยสารรวม ไตรมาสที่ 3 ปี 2564/2565 อยู่ที่ 23.4 ล้านเที่ยวคน ลดลง 40.7% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เป็นผลต่อเนื่องจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลต้า ทำให้รัฐบาลปิดกิจการต่างๆ ชั่วคราว ขอความร่วมมือประชาชนอยู่บ้าน ทำงานจากที่บ้าน และประกาศเคอร์ฟิวตั้งแต่กลางเดือนกรกฎาคมถึงตุลาคม 2564 เพื่อควบคุมการแพร่เชื้อ  ซึ่งกระทบกับชั่วโมงการให้บริการเดินรถไฟฟ้า  BTS  แต่เมื่อเทียบกับไตรมาส 2  ปี 2564/2565 (เดือนกรกฎาคม - กันยายน 2564) จำนวนผู้โดยสารเติบโต 119.6% เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 เริ่มบรรเทา


ส่วนอัตราค่าโดยสารเฉลี่ย ในไตรมาสที่ 3 ปี 2564/2565 เท่ากับ 32.8 บาทต่อเที่ยวการเดินทาง เพิ่มขึ้น 10.8% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน  ส่วนรอบ 9 เดือน  เท่ากับ  31.7  บาทต่อเที่ยวการเดินทาง เ พิ่มขึ้น 6.9%  จากงวดเดียวกันของปีก่อน เป็นผลมาจากการสิ้นสุดการจำหน่ายบัตรโดยสารประเภทรายเดือนในวันที่ 30 กันยายน 2564 แล้วเปลี่ยนเป็นการใช้โปรโมชั่นมอบสิทธิพิเศษผ่าน แรบบิท รีวอร์ดส สะสมพอยท์จากการเดินทาง นอกจากนี้ยังมีการรับรู้รายได้บัตรหมดอายุด้วย


“ในช่วงที่เศรษฐกิจฟื้นตัว สินทรัพย์ทางเลือกอย่างกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน ก็มีโอกาสกลับมาให้ผลตอบแทนที่น่าพึงพอใจได้ดีขึ้น ซึ่งในภาวะที่เงินเฟ้อเพิ่มขึ้น แต่อัตราดอกเบี้ยยังต่ำมากแบบนี้ การลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือก ก็ยังเป็นทางเลือกที่ดี โดยในส่วนของกองทุน BTSGIF ราคาหน่วยลงทุนในปัจจุบันอยู่ต่ำกว่ามูลค่าทรัพย์สินสุทธิมาก ถือเป็นระดับที่น่าสนใจลงทุน” นายพรชลิต กล่าว


ทั้งนี้ มูลค่าทรัพย์สินกิจการโครงสร้างพื้นฐานที่กองทุนลงทุนในปัจจุบัน จะลดลงตามอายุของสิทธิในรายได้สุทธิตามสัญญาสัมปทานที่จะหมดอายุในปี 2572