หุ้นโรงกลั่น ส่องประกาย ราคาน้ำมันขึ้นต่อเนื่อง

หุ้นโรงกลั่น ส่องประกาย ราคาน้ำมันขึ้นต่อเนื่อง

หุ้นพลังงานส่งสัญญาณบวกหลังราคาน้ำมันยังทยอยปรับตัวขึ้นทำสถิติในรอบ 7 ปี และสามารถยืนเหนือ 80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งความผันผวนที่เกิดขึ้นส่งผลต่อคาดการณ์หุ้นที่ได้รับผลดีตั้งแต่หุ้นพลังงาน –โรงกลั่นและปิโตรเคมี ที่เตรียมจะรายงานผลประกอบการไตรมาส 4 ปี 2564 ออกมา

ปัจจัยที่มีผลต่อราคาน้ำมันในช่วงนี้จะมาจากความขัดแย้งทางชายแดนระหว่างกลุ่มประเทศอดีตสหภาพโซเวียตและความขัดแย้งในตะวันออกกลางจะส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมัน  หากสถานการณ์ยังมีความตรึงเครียสยาวนานจะส่งผลต่อราคาน้ำมันในทิศทางขาขึ้น

ราคาน้ำมันมีทิศทางลดลงมีปัจจัยด้านซัพพรายเพิ่มขึ้นมาช่วยหนุน ทาง OPEC+  ได้เคาะเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน 400,000 บาร์เรลต่อวันมีผลเดือน ม.ค. 2565 ด้วยปัญหาประเทศไนจีเรียและลิเบียไม่สามารถผลิตน้ำมันได้ตามโควตา เนื่องจากประสบปัญหาการผลิตในประเทศทำให้ปัจจัยบวกที่ทำให้ราคาน้ำมันลดลงกลับสวนทาง 

หรือแม้แต่ท่าทีนโยบายการเงินมีผลต่อราคาน้ำมัน ซึ่งประธานธนาคารกลางสหรัฐ “เจอโรม พาวเวล” แสดงท่าทีต่อนโยบายทางการเงินในการประชุมครั้งล่าสุด   สะท้อนภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐที่ยังคงแข็งแกร่ง ทำให้ตลาดน้ำมันดิบกลับมาฟื้นตัว แม้ราคาน้ำมันดิบที่ปรับเพิ่มจะทำให้น้ำหนักต่อความเสี่ยงของภาวะเงินเฟ้อปรับเพิ่มขึ้น

ทั้งนี้มีการคาดการณ์ ราคาน้ำมันดิบยังได้รับแรงหนุนจาก Seasonal Demand และอุปทานที่ลดลงจากการผลิตน้ำมันในลิเบียลดลงเหลือเพียงวันละ 729,000 บาร์เรล (เดิม 1.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน) เนื่องจากมีการปิดบ่อน้ำมันหลายแห่ง รวมทั้งมีการปิดซ่อมบำรุงท่อส่งน้ำมัน ราคาน้ำมันดิบในเดือน ม.ค.ถึงต้นเดือน ก.พ.จะยังคงยืนในระดับสูง ก่อนปรับลดลงเนื่องจากเข้าสู่ปลาย Seasonal Demand และอุปทานที่เพิ่มขึ้นจากแผนการปรับเพิ่มกำลังผลิตของกลุ่ม OPEC+

หันมาดูหุ้นในกลุ่มโรงกลั่นเตรียมจะประกาศงบออกมาไตรมาส 4 ปี 2564   ซึ่งตามการคาดการณ์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)  กรุงศรี   บริษัทไทย ออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP  มีกำไร  4,800   ล้านบาท ลดลง 32% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน แต่เพิ่มขึ้น  139 % จากไตรมาสก่อน ตามค่าการกลั่นตลาดลดลงเป็น 4.5  ดอลลาร์ ในม.ค.จากส่วนเพิ่มน้ำมันดิบสูงขึ้น แต่อัตราการกลั่นดีที่ 110%  

หุ้นโรงกลั่น ส่องประกาย ราคาน้ำมันขึ้นต่อเนื่อง                               

บริษัทโรงกลั่นบริษัทสตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SPRC ผู้ดำเนินธุรกิจกลั่นเพื่อผลิตผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม   โดยมีสัดส่วนรายได้หลัก มาจากธุรกิจการกลั่น 100 %  มีกำไร  1,978ล้านบาท เพิ่มขึ้น  96% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน แต่เพิ่มขึ้นถึง  223 % จากไตรมาสก่อน

สำหรับ SPRC ถูกกดดันจากเหตุการณ์น้ำมันรั่วที่จังหวัดระยองซึ่งจะมีการบันทึกค่าใช้จ่ายในช่วงไตรมาส 1 ปี 2565  คาดการณ์ว่ามูลค่าอยู่ที่ราว 1,000ล้านบาท ทางบริษัท มีประกันคุ้มครอง 3,000 ล้าน บาท (100 ล้านดอลลาร์) สามารถหักครั้งแรก 34 ล้านบาท (1 ล้านดอลลาร์)  ทำให้มีผลต่อการเงินปันผลในปี 2565 อาจได้รับผลกระทบเพราะต้องพิจารณาจากกำไรสุทธิ

และบริษัทไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC  มีกำไร  2,100 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน แต่ลดลง 2 % จากไตรมาสก่อน ซึ่งบริษัทได้เปรียบจากธุรกิจโรงกลั่นแข็งแกร่ง แต่ธุรกิจปิโตรเคมีอ่อนแอ โดยมีซัพพลายใหม่กดดันส่วนต่าง                               

ด้านการลงทุน บล. เอเซีย พลัส  ระบุกลุ่มโรงกลั่น ยังคงมุมมองโรงกลั่นให้เล่นตามฤดูกาลเช่นเดิม  จากค่าการกลั่นจะทยอยปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงปลายไตรมาส 4 ยาวต่อเนื่อง ในช่วงไตรมาส 1 ซึ่งเป็นช่วงฤดูหนาว ก่อนที่จะค่อยๆปรับตัวลงในไตรมาส 2 เล็กน้อย และจะต่ำสุดในไตรมาส 3 ซึ่งเป็นช่วง low season ภายใต้ไม่มี hurricane ที่รุนแรง

โดย Top pick ฝ่ายวิจัย แนะนำซื้อ TOP มีราคาเป้าหมายที่  63 บาท  คาดการณ์กำไรสุทธิงวด ไตรมาส 4 ปี 2564  อยู่ราว 4.9 พันล้านบาท ปรับตัว เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว  137.6%qoq   โดยกำไรปกติคาดเพิ่มขึ้น 67.5%qoq เป็นผลมาจากธุรกิจโรงกลั่นที่ฟื้นตัว ค่าการกลั่นขึ้นมาอยู่ระดับ 5.3 ดอลลาร์ แม้จะถูกกดดันจากธุรกิจอะโรเมติกส์และน้ำมันหล่อลื่นที่อ่อนตัวลง

ส่วนกำไรปกติไตรมาส 1 ปี 2565  จะเห็นการเติบโตต่อเนื่องจากยังอยู่ในช่วง high season ของโรงกลั่น ช่วงฤดูหนาว และการระบาดโควิดผ่อนคลาย ขณะที่อะโรเมติกส์และ น้ำมันหล่อลื่นน่าจะทรงตัวได้ QoQ