Bank Sector คชจ.สำรองฯ ที่ลดลงจะช่วยหนุนการเติบโต

Bank Sector คชจ.สำรองฯ ที่ลดลงจะช่วยหนุนการเติบโต

กำไรรวมของกลุ่มธนาคารลดลง 8% QoQ แต่เพิ่มขึ้น 13% YoY ใน 4Q64 และเพิ่มขึ้น 30% YoY ในปี 2564 (ไม่ร่วม BAY) ทั้งนี้ หากไม่รวมรายการคชจ.สำรองฯ (LLP) และการตีราคาตลาดสินทรัพย์ (FVTPL) กำไรจากธุรกิจหลักรวมของกลุ่มจะลดลง 6% QoQ แต่เพิ่มขึ้น 10% YoY ใน 4Q64

และเพิ่มขึ้น 2% ในปี 2564 ทั้งนี้ กำไรปี 2564 ที่เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยสะท้อนถึง NIM ที่ลดลง ซึ่งกดดันให้
NII แทบไม่เพิ่มขึ้นเลย ในขณะที่รายได้ค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้น 8% YoY และมีการบีบ opex 1% กำไรจาก
ธุรกิจหลักของ KTB ลดลงมากที่สุด (-12% YoY) โดย NIM ลดลง >40bps รองลงมาคือT MBThanachart Bank (TTB.BK/TTB TB)* (-8%) และ TISCO Financial Group (TISCO.BK/TISCO TB)* (-3% YoY) ส่วนกำไรของ Kiatnakin Bank (KKP.BK/KKP TB)* โตแรงที่สุดเนื่องจากมีกำไรจาก
การลงทุนก้อนใหญ่, ค่าธรรมเนียม IB ก้อนใหญ่ และ NII

 

สินเชื่อโตในอัตราเร่งตัวขึ้น แต่ไม่ได้กระจายตัวไปทั่วทุกกลุ่ม

สินเชื่อรวมเพิ่มขึ้น 6% YoY โดยสินเชื่อของ KTB โตแรงที่สุดที่ 13% YoY (ส่วนใหญ่เป็นสินเชื่อภาคครัฐ) รองลงมาคือ BBL ที่ 8% YoY (สินเชื่อธุรกิจ และธุรกิจระหว่างประเทศ) และ KBANK ที่ 8% SCB +2%, TISCO และ TTB สินเชื่อหดตัวลง โดย KKP เท่านั้นที่รุกขยายสินเชื่อใหม่ในกลุ่ม +16% ทั้งนี้ โดยสินเชื่อเริ่มกลับมาโตใน 4Q64 ในกลุ่ม consumer โดยเฉพาะ SCB, TTB, TISCO และKBANK ซึ่งช่วยเพิ่มมาร์จิ้นไตรมาส 4 กลับมาฟื้นตัว แต่ยังลดลงหากเปรียบเทียบทั้งปี

 

 

NPL ลดลงในปี 2564, credit cost ผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว และมีแนวโน้มลดลงในปี 2565

Gross NPLs ลดลง 3% QoQ แต่เพิ่มขึ้น 3% YoY ธนาคารต่าง ๆ ใช้มาตรการที่หลากหลายในการรักษา
ระดับ NPLs (write-off หนี้เสีย, ขาย NPL, และโอน NPA ไปพักที่โกดังสินทรัพย์ อย่างเช่น KBANK,
TTB, KKP) เพื่อเตรียมโอนหนี้ในโครงการผ่อนผันหนี้มาเป็น TDR ในปี 2565 ทั้งนี้ เนื่องจากมีการ
เตรียมส่วนรองรับหนี้เสียก้อนใหญ่เอาไว้แล้วในปี 2564 ในขณะที่หนี้ประมาณ 8-10% ในโครงการผ่อน
ผันหนี้ถูกจัดชั้นเป็น NPL ไปแล้ว และยังมีทางเลือกอื่น ๆ อีกในการบริหารจัดการหนี้เสีย อย่างเช่น inhouse
AMCs และ การแยก AMCs ออกไปไว้นอกธนาคาร เราจึงคิดว่า LLR/สินเชื่อ ที่เหลืออีก 6% ของ
สินเชื่อจะเพียงพอที่จะให้ธนาคารบริหารจัดการ credit cost ให้ลดลงได้ประมาณ 20bps ในปี 2565 โดย
เรามองว่า credit cost ที่ลดลงได้ทุก ๆ 10bps จะทำให้ประมาณการกำไรปี upside อีก 20bps

 

Risks

NPLs และค่าใช้จ่ายในการตั้งสำรองเพิ่มขึ้น, รายได้ค่าธรรมเนียมลดลง, ผลขาดทุนจาก FVTPL ของการ
ลงทุน