"สุพัฒนพงษ์" ดันใช้เงินกองทุนฯ ตรึงดีเซล ชี้ยังไม่จำเป็นลดภาษีฯน้ำมัน

"สุพัฒนพงษ์" ดันใช้เงินกองทุนฯ ตรึงดีเซล ชี้ยังไม่จำเป็นลดภาษีฯน้ำมัน

“สุพัฒนพงษ์” ย้ำรัฐบาลพร้อมดูแลค่าครองชีพ ติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด ชี้ยังไม่เสนอคลังลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันเชื้อเพลิงก่อน 31 มี.ค.เนื่องจากยังมีวงเงินกู้ของกองทุนน้ำมันเหลืออยู่ในการดูแลราคาน้ำมัน

นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน เปิดเผยถึงการแก้ไขปัญหาเรื่องค่าครองชีพ และราคาสินค้าที่แพงขึ้น รัฐบาลได้ติดตามสถานการณ์ใกล้ชชิด และพยายามผลักดันมาตรการคนละครึ่งให้ออกมาก่อน ส่วนการตรึงราคาสินค้า โดยเฉพาะพลังงานก็ต้องดูสถานการณ์ราคาของประเทศอื่นๆ เพราะราคาน้ำมันยังอยู่ในช่วงราคาขาขึ้น

โดยรัฐบาลมีการติดตามสถานการณ์นี้เป็นรายวันเพื่อกำหนดมาตรการที่เหมาะสมในการลดภาระค่าครองชีพประชาชน ส่วนแพคเกจลดค่าครองชีพที่จะเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ทุกฝ่ายกำลังทำกันเต็มที่โดยมีหลายมาตรการที่จะเข้าสู่การพิจารณาของ ครม.

 

เมื่อถามว่าข้อเสนอที่กระทรวงพลังงานจะขอให้กระทรวงการคลังลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันเพื่อให้ราคาน้ำมันลดลง นายสุพัฒนพงษ์กล่าวว่าต้องเป็นไปตามขั้นตอน

โดยขณะนี้เงินที่มีอยู่ของกองทุนน้ำมันฯยังสามารถที่จะดูแลราคาดีเซล ตามที่นายกรัฐมนตรีให้นโยบายว่าให้ราคาไม่เกิน 30 บาทต่อลิตรได้ไปจนถึงวันที่ 31 มี.ค.ซึ่งวงเงินที่มียังอยู่ในกรอบที่กำหนดไว้ยังไม่ต้องกู้เงินเพิ่มเติม ส่วนต้องกู้เพิ่มหลังเดือน มี.ค.หรือไม่ขอดูสถานการณ์ราคาน้ำมันในขณะนั้นก่อนว่าอยู่ในระดับราคาเท่าไหร่

“สถานการณ์ตอนนี้อ่อนไหว อย่างมากถ้าจำเป็นที่จะต้องประชุมหน่วยงานเศรษฐกิจอย่างเร่งด่วน นายกรัฐมนตรีก็พร้อมที่จะเรียกประชุมโดยทันทีเพื่อติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด”นายสุพัฒนพงษ์ กล่าว

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากสถานการณ์โลก สถานการณ์ภายนอกภูมิภาค รวมถึงสถานการณ์ภายในประเทศ ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้มีรายได้น้อยที่ได้รับผลกระทบอย่างมากในเรื่องของราคาสินค้า ซึ่งได้สั่งการอย่างชัดเจนให้กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ตรวจสอบราคาสินค้าในทุกพื้นที่ ทุกจังหวัด ให้ได้ราคาที่แท้จริง และเหตุผลในการที่สินค้าบางรายการมีจำนวนลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

โดยนายกรัฐมนตรียืนยันจะดูแลในเรื่องนี้อย่างละเอียด และจำเป็นจะต้องมีการลงโทษตามกฎหมายที่มีอยู่ ทั้งการกักตุนสินค้า ผู้ที่เกี่ยวข้องจะต้องถูกพิจารณาลงโทษตามกฎหมาย จึงขอให้ระมัดระวัง และขอฝากภาคธุรกิจเอกชนให้ช่วยดูในเรื่องนี้ให้มากที่สุด นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงการประชุมวาระเร่งด่วนเพื่อเตรียมการรองรับสถานการณ์ราคาพลังงาน น้ำมัน ก๊าซ LPG เมื่อวานนี้ (20 ม.ค. 65) เพื่อพิจารณาถึงความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นในระยะต่อไป และหามาตรการแก้ไขตามสมมติฐานที่เกิดขึ้น รัฐบาลจะกำกับดูแลทุกเรื่องให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน ซึ่งผู้มีหน้าที่รับผิดชอบจะต้องทำงานตามหน้าที่ของตน