มีโอกาสปรับตัวลง (วันที่ 21 มกราคม 2565)

มีโอกาสปรับตัวลง (วันที่ 21 มกราคม 2565)

วันพฤหัสที่ผ่านมา ดัชนีเคลื่อนไหวในแดนบวกเป็นส่วนใหญ่ แต่มีแรงขายในช่วงท้ายตลาด โดยหุ้นที่ปรับตัวขึ้นเป็นหุ้นในกลุ่มท่องเที่ยวอย่าง AOT, MINT, AWC, AAV, BA จากการที่ศบค.ลดพื้นที่ควบคุม-คลายมาตรการเพิ่ม-ฟื้น Test&Go-ขยาย Sandbox

และกลุ่มธนาคารที่ปรับตัวขึ้น หลังจากที่งบ TTB ออกมาดีกว่าคาดการณ์ของตลาด ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,656.96 จุด -1.28 จุด -0.08% มูลค่าการซื้อขาย 80,865 ลบ. ต่างชาติ -2,563.8 ลบ. TFEX +5,408 สัญญา ตราสารหนี้ +9,173.05 ลบ.

 

ปัจจัยบวก

+ ธนาคารกลางจีนประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี (LPR) ประเภท 1 ปีลง 0.10% สู่ระดับ 3.7% จากระดับ 3.80% และได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ย LPR ประเภท 5 ปีลง 0.05% สู่ระดับ 4.6% จากระดับ 4.65% เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและเพิ่มสภาพคล่องในระบบการเงิน
+ WHO แนะให้ประเทศสมาชิกยกเลิกหรือผ่อนปรนมาตรการการห้ามเดินทางระหว่างประเทศ แม้การแพร่ระบาดของโรค โควิด-19 ยังคงน่าวิตกกังวลก็ตาม
+ กนอ. มีมติให้กำหนดมาตรการส่งเสริมการขายและการเช่าที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการในการลดอัตราค่าเช่าและอัตราซื้อขายที่ดิน รวมถึงสร้างแรงจูงใจให้กับนักลงทุน
+ รมว.คลังคาด GDP ปี 2565 จะเติบโตได้ 3.5-4.5% จากภาคส่งออกที่เติบโตต่อเนื่อง และเม็ดเงินลงทุนภาครัฐ 1.9 ล้านล้านบาท ยอมรับปีนี้ยังมีปัจจัยเสี่ยงเศรษฐกิจ โดยเฉพาะปัญหาเงินเฟ้อสูงขึ้น
+ ศบค.ลดพื้นที่ควบคุม-คลายมาตรการเพิ่ม-ฟื้น Test&Go-ขยาย Sandbox
+บอร์ดกนอ.มีมติลดอัตราค่าเช่าและอัตราซื้อขายที่ดินเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการในการ รวมถึงสร้างแรงจูงใจให้กับนักลงทุนเพื่อใช้เป็นฐานการผลิตและการลงทุน ซึ่งครอบคลุมทั้งนักลงทุนรายเก่าและรายใหม่

 

ปัจจัยลบ

- ดัชนีดาวโจนส์ปิด ลดลง 313.26 จุด -0.89% ปัจจัยลบจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐ และความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มการปรับขึ้นดอกเบี้ยของ FED
 

- ราคาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 6 เซนต์ -0.1% ปิดที่ 86.90 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น สวนทางคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ แต่ราคาลงเล็กน้อยจากสถานการณ์ตึงเครียดทางการเมืองระหว่างสหรัฐและรัสเซีย
- ทำเนียบขาวเตือนบริษัทในอุตสาหกรรมชิปของสหรัฐให้เตรียมตัวรับมือข้อกำหนดส่งออกฉบับใหม่ที่ระบุว่าหากรัสเซียโจมตียูเครน สหรัฐอาจใช้มาตรการตอบโต้ด้วยการแบนไม่ให้รัสเซียเข้าถึงสินค้าอิเล็กทรอนิกส์
- ปธน.โจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐเปิดเผยว่า ยังไม่ถึงเวลาที่จะยกเลิกมาตรการทางภาษีที่อดีตปธน.โดนัลด์ ทรัมป์บังคับใช้กับจีน
- สหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกพุ่งขึ้นสู่ระดับ 286,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สูงสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.2564 สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 225,000 ราย และสูงกว่าสัปดาห์ก่อนหน้าที่ระดับ 231,000 ราย
- การเมืองมีความไม่แน่นอนจากจำนวนเสียงฝ่ายรัฐบาลต่างจากฝ่ายค้านไม่มาก
+/- ศบค.รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศวันนี้ พบผู้ติดเชื้อรายใหม่รวม 8,640 ราย ATK 3,356 ราย มีผู้เสียชีวิต 13 ราย รักษาหาย 8,641 ราย

 

แนวโน้มตลาดวันนี้  

คาดดัชนีในวันนี้มีโอกาสปรับตัวลงตามทิศทางตลาดต่างประเทศ หลังตลาดหุ้นสหรัฐถูกเทขายต่อเนื่อง จากความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟด ขณะที่ปัจจัยในประเทศมีแรงหนุนจาก ศบค.ลดพื้นที่ควบคุม-คลายมาตรการเพิ่ม-ฟื้น Test&Go-ขยาย Sandbox มองกรอบดัชนีในวันนี้ที่ 1,645-1,660 จุด  

 

กลยุทธ์การลงทุน    

• น้ำมันดิบ WTI ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง : PTTEP PTTGC IVL
• ชุดตรวจ ATK : SMD WINMED TM
• ลุ้นครม.เคาะมาตรการ EV 25 ม.ค. : EA NEX GPSC BCPG FORTH
• หุ้นที่ได้ประโยชน์จาก เราเที่ยวด้วยกันเฟส 4 : ERW CENTEL MINT AOT AAV BA ASAP

 

หุ้นรายงานพิเศษ

                                                         ประเด็นบวกกลุ่มโรงกลั่น
                                                        TOP SPRC ESSO PTTGC

มีโอกาสปรับตัวลง (วันที่ 21 มกราคม 2565)

 

•ค่าการกลั่นปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 ปีครึ่งที่ 7 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โดยได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวขึ้นเศรษฐกิจโลกหลังเริ่มมีการฉีดวัคซีนต่อเนื่องและทยอยเปิดเมือง โดย Spread น้ำมันดีเซล และน้ำมันอากาศยานปรับตัวขึ้นราว 25%QTD และ 26%QTD ตามลำดับเป็นปัจจัยหนุนต่อค่าการกลั่นโดยรวม

•ความเห็น เรามีมุมมองบวกต่อผลประกอบการ 4Q64 เนื่องจากค่าการกลั่นสูงกว่าระดับ Breakeven ของโรงกลั่นในไทยที่ 3-4 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล นอกจากนี้ราคาน้ำมันที่ทรงตัวในระดับสูง 85 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ทำให้คลายกังวลเรื่องขาดทุนจากสต็อกน้ำมันดิบ โดยเราชอบ TOP SPRC ESSO และ PTTGC ตามลำดับ

 

หุ้นมีข่าว

(+) GUNKUL (Bloomberg Consensus 5.82 บาท) ดีลพันธมิตรต่อยอดโตก้าวกระโดด ปักธงรายได้โต 20% จากปีก่อน เดินหน้าติดตั้งสถานีชาร์จไฟฟ้าในคอนโดมิเนียม ORI ปีนี้กว่า 50-70 แห่ง พร้อมขยายธุรกิจร่วมกับกลุ่ม JMART ต่อเนื่อง เตรียมความพร้อมเข้าประมูลโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม 1.5 พันเมกะวัตต์ มั่นใจศักยภาพพร้อม เล็งนา GPD เข้าตลาดคาดใช้เวลา 10-14 เดือน เร่งเจรจาลูกค้าธุรกิจกัญชง คาดปีนี้โกยรายได้ 500 ล้านบาท (ที่มา ทันหุ้น)

(+) INET (Bloomberg Consensus - บาท) ลูกค้าคลาวด์เซอร์วิสโตดี ความต้องการใช้งานในไทย-ต่างประเทศพุ่ง หลังภาครัฐ-เอกชนเดินหน้านำไอทีเข้ามาใช้มากขึ้น หนุนผลงานไตรมาส 1/2565 สดใส ปีนี้ปักธงรายได้โต 10% หากสถานการณ์โควิดดีขึ้นมีลุ้นโตเกิน 20% แย้มอยู่ระหว่างพิจารณาขยายกอง INETREIT คาดชัดเจนไตรมาส 2/2565 โบรกมองโอกาสเติบโตจากการให้บริการ ดาต้าเซ็นเตอร์ (ที่มา ทันหุ้น)

(+) OTO (Bloomberg Consensus - บาท) ส่งบริษัทย่อย "อินโน ฮับ" เข้าถือหุ้น "บล็อกเชน ไพรม์ โฮลดิ้ง" ในสัดส่วน 20% มูลค่า 20 ล้านบาท ปูทางเข้าสู่ธุรกิจด้านบล็อกเชนและคริปโทฯ นำร่องโปรเจ็กต์แรก Social Bureau แพลตฟอร์มรายงานและตรวจสอบประวัติอาชญากรรมบน บล็อกเชนแห่งแรกของโลก หวังเข้าสู่ธุรกิจเทคคอมพานีเต็มรูปแบบ (ที่มา ทันหุ้น)

(+) AGE (Bloomberg Consensus - บาท) เปิดข่าวดีเซ็นสัญญาให้บริการโลจิสติกส์กลุ่มอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์และทรายแก้ว รวม 3.2 ล้านตัน ระยะเวลา 3 ปี รวมมูลค่า 550 ล้านบาท ด้านผู้บริหาร "พนม ควรสถาพร" สั่งลุยขยายฐานธุรกิจด้านโลจิสติกส์แบบครบวงจร (ขนส่งทางน้ำ-ทางบก-ท่าเรือ-คลังสินค้า) พร้อมดันธุรกิจใหม่ส่งออกสินค้าเกษตร คาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้ปีนี้ หนุนเป้ารายได้ปี 2565 แตะ 1.5 หมื่นล้านบาท และยอดขายถ่านหิน 6.5 ล้านตัน (ที่มา ทันหุ้น)