โบรก เชียร์หุ้น ‘แบงก์’ กำไรโตแกร่งปี 65 แตะ 2 แสนล้าน

โบรก เชียร์หุ้น ‘แบงก์’ กำไรโตแกร่งปี 65 แตะ 2 แสนล้าน

ราคาหุ้นกลุ่มแบงก์” ร่วงยกแผงตามภาพรวมตลาด “บล.ยูโอบี เคย์เฮียนฯ” มองลงเป็นปัจจัยลบชั่วคราว หลังนักลงทุนกังวลเฟดขึ้นดอกเบี้ย-ถอนคิวอีเร็ว ส่งผลเทขายสินทรัพย์เสี่ยง ชี้พื้นฐานธุรกิจยังแกร่งปี 65 คาดกำไรทั้งกลุ่มโตอีก 10% แตะ 2 แสนล้านบาท

       วานนี้ (19 ม.ค.2565) ความเคลื่อนไหวราคาหุ้นกลุ่มธนาคาร (แบงก์) ปรับตัวลดลง นำโดย ธนาคารกรุงเทพ (BBL) ลดลง 0.76% ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) ลดลง 2.08% ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) ลดลง 0.81% ธนาคารกรุงไทย (KTB) ลดลง 1.44% และ ธนาคารทหารไทยธนชาต (TTB) ลดลง 1.39%

     นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า การปรับตัวลดลงแรงของหุ้นแบงก์วานนี้ (19 ม.ค.) ถือเป็นปัจจัยเชิงระบบจากภาพรวมดัชนีดาวน์โจนที่ปรับตัวลดลงแรง เนื่องจากนักลงทุนมีความกังวลเกี่ยวกับการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์หน้า ที่อาจจะเห็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย รวมทั้งมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ที่เร็วกว่าที่คาดไว้ ส่งผลให้นักลงทุนเทขายสินทรัพย์เสี่ยงชั่วคราวทำให้หุ้นกลุ่มแบงก์ปรับตัวลงด้วย


    “ตลาดอาจกังวลอาจกระทบต่อการฟื้นตัวเศรษฐกิจได้บอนด์ยิลด์ที่ขึ้นแรง และยังมีความกังวลเกี่ยวกับการถอนคิวอี เพราะวันนี้สินทรัพย์ที่ปรับขึ้นได้มาจากเม็ดเงินคิวอี  หากถอดคิวอีนักลงทุนกังวลสภาพคล่องจะหาย”

      แต่หากดูพื้นฐานกลุ่มแบงก์ถือว่ายังมีความน่าสนใจ ราคาหุ้นแบงก์ไม่ได้สูงเกินไป ด้านผลประกอบการทิศทางฟื้นตัวต่อเนื่อง สอดคล้องกับคาดการณ์ผลดำเนินงานปี 2565 คาดกำไรโดยรวมน่าจะเติบโตขึ้นได้ต่อ 10% หรือ แตะ 2 แสนล้านบาท จากภาพรวมสำรองที่คาดลดลงต่อเนื่อง และรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย และค่าธรรมเนียมมีทิศทางเติบโตต่อเนื่อง กำไรจากเงินลงทุนที่จะเห็นเพิ่มขึ้นในปีนี้
 

      ส่วนปี 2564 คาดการณ์ว่า กำไรโดยรวมน่าจะเพิ่มขึ้นราว 27% หรือ 1.82 แสนล้านบาท หากเทียบกับปีก่อนหน้า และเฉพาะไตรมาส 4คาดว่ากำไรน่าจะอยู่ที่ 4 หมื่นล้านบาท ลดลง 25% จากไตรมาส4ปีก่อน และลดลง 8% หากเทียบกับไตรมาส 3 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นไตรมาสที่ผลประกอบการจะต่ำที่สุด จาก ค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยเฉพาะของทุกปี

     ส่วนคำแนะนำ “ซื้อ” โดยเฉพาะ หุ้น BBL ให้ราคาเป้าหมายที่ 162 บาท และ หุ้น KBANK ที่ 172 บาท ขณะที่แนะนำเลี่ยงเก็งกำไรระยะสั้น

      นายธนภัทร ฉัตรเสถียร ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนีตี้ กล่าวว่า การปรับตัวลงหุ้นกลุ่มแบงก์ไม่ได้มาจากปัจจัยลบเฉพาะตัว แต่เป็นการลงตามตลาดหากเศรษฐกิจฟื้นตัว โอมิครอนไม่ได้รุนแรง คาดกลุ่มแบงก์น่าจะฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง

     โดยคาดผลการดำเนินงานกลุ่มแบงก์จะโตต่อ คาดกำไรโต 12% เทียบกับปี 64 สำหรับคำแนะนำ “ซื้อ” โดยเฉพาะหุ้น 4 แบงก์ใหญ่ SCB , KTB BBL , KBANK