SCC - เคมีภัณฑ์หนุนกำไร 4Q (13 มกราคม 2565)

SCC มีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มปิโตรเคมี แต่เรายังระมัดระวังคงคำแนะนำ ถือ ราคาเป้าหมาย DCF ที่ 420 บาทต่อหุ้น

 

ส่วนต่างเคมีภัณฑ์แข็งแกร่งขึ้น ส่วนซีเมนต์ยังถูกกดดัน

คาดกำไรสุทธิ SCC ใน 4Q ที่ 8.5พันลบ. (7.1บาท EPS), +25% qoq และ +6% yoy หนุนจากส่วนต่างเตมีภัณฑ์ที่แข็งแกร่งและกำไรสต๊อก ส่วนต่าง PE และ PP ฟื้นตัว qoq เป็น US$510/t และ US$566/t จาก US$462 และ US$551 ใน 3Q ตามลำดับ ส่วนต่าง PVC เพิ่มเป็น US$573/t จาก US$478 ใน 3Q หนุนจากความตึงตัวด้านซัพพลายจากผู้ผลิต PVC ถ่านหิน ราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นในช่วง 4Q ทำให้มีกำไรสต๊อก 550ลบ. เทียบกับกำไร 480ลบ. ใน 3Q คาดปริมาณขายที่ดีท่ 500k ตันทรงตัว qoq อุปสงค์ซีเมนต์ลดลง 2% yoy เนื่องจากการชะลอตัวในกิจกรรมก่อสร้างของรัฐบาล (40% ของอุปสงค์) ส่วนแบ่งกำไรลดลง 24% qoq เป็น 2.9พันลบ. จากส่วนต่างบูตาดีนลดลงจาก US$687/t เป็น -US$10/t เนื่องจากช่วงเวลาที่ใช้ในการปรับราคาจากนาฟตา การดำเนินงานบรรจุภัณฑ์ดีขึ้น qoq แต่กำไรสุทธิอาจลดลง 5% qoq (แต่ +14% yoy) เป็น 1.7พันลบ. เนื่องจากกำไรพิเศษ 245ลบ. ใน 3Q ผลประกอบการจะประกาศใน 26 ม.ค.

 

SCC มีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มปิโตรฯ

SCC คาดส่วนต่างปิโตรฯจะยังดีใน 2022 หนุนจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก ฝ่ายบริหารไม่กังวลต่อซัพพลายที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากมีอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นจากเศรษฐกิจเติบโตช่วยซับ แต่เรายังคงระมัดระวังต่อปิโตรฯ เนื่องจากซัพพลายใหม่จะกดดันส่วนต่างในปีนี้ ส่วนอุปสงค์ซีเมนต์จะฟื้นตัวในปีนี้ โดยจะฟื้นตัวได้แข็งแกร่งใน2H22 เนื่องจากฐานที่ต่ำในครึ่งหลักของปี 2021 SCC ปรับราคาขายขึ้นเพิ่มสะท้อนราคาถ่านหินที่สูงขึ้น แต่จะเห็นผลกระทบที่ชัดเจนใน 1Q22                                                                                                                                                                                                                                                          

คงคำแนะนำ ถือ ราคาเป้าหมาย DCF ที่ 420 บาทต่อหุ้น

โครงการ Long Son Petrochemicals (LSP) ในเวียดนามมีความคืบหน้าตามแผนและคาดว่าจะแล้วเสร็จในกลาง 2023 ราคาเป้าหมาย DCF ที่ 420บาท เทียบเท่า 11.9x FY21F PE และผลตอบแทนปันผล 4.2%