หอการค้าไทยเชื่อ เศรษฐกิจไทยฟื้นไตรมาส 2

มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยมองเศรษฐกิจไทยปี 2565 ขยายตัวได้ใกล้เคียง 4% ภายใต้สมมุติฐานของสถานการณ์โอมิครอนที่ไม่รุนแรงมากขึ้น ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค เดือนธันวาคม 2564 ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 และอยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 9 เดือน

อธิการบดี และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ ม.หอการค้าไทย ธนวรรธน์ พลวิชัย ระบุ หากรัฐบาลสามารถดูแลปัญหาโอมิครอน ค่าครองชีพ จัดการแก้ไขสถานการณ์หมูแพงได้อย่างรวดเร็วจะทำให้ความเชื่อมั่นผู้ประกอบการและความเชื่อมั่นผู้บริโภคไม่ทรุดตัวลงแรงและยาวนานเกินกว่า 1 ไตรมาส เพราะฉะนั้นเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่ 2 จะสามารถฟื้นตัวได้ภายใต้สมมติฐานจากการมีเงินสะพัดจากโครงการช้อปดีมีคืน 4 หมื่นล้านบาท โครงการคนละครึ่งเฟส 4 อีก 9 หมื่นล้านบาท รวมเป็นเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจอย่างน้อย 1 แสนล้านบาท ซึ่งจะช่วยพยุงเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 1 ไม่ให้ทรุดตัวลงภายใต้โอมิครอนที่ไม่รุนแรง 

ในขณะที่ไตรมาสที่ 2 หากเริ่มเปิดระบบ Test & Go เริ่มมีความมั่นใจถึงสถานการณ์การท่องเที่ยว สถานการณ์ราคาหมู ปัญหาค่าครองชีพเริ่มคลี่คลาย เศรษฐกิจไทยสามารถฟื้นตัวได้ในไตรมาสที่ 2 และจะเติบโตอย่างเข้มแข็งในครึ่งปีหลัง 

ทั้งนี้ สิ่งสำคัญที่ทุกฝ่ายเห็นตรงกันคือไม่ควรล็อกดาวน์อีก เพราะจะทำให้เศรษฐกิจเสียหาย 3-5 แสนล้านบาท ในระยะเวลา 2 เดือน หากล็อกดาวน์บางส่วน และเสียหายกว่า 8 แสนถึง 1 ล้านล้านบาท หากล็อกดาวน์ทั้งประเทศ

เชื่อมั่นผู้บริโภค ธ.ค.ดีดตัวสูงสุดรอบ 9 เดือน

ขณะที่ผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค เดือนธันวาคม 2564 ปรับตัวดีขึ้นจากระดับ 44.9 เป็น 46.2 เป็นการปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 และอยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 9 เดือนนับตั้งแต่เดือนเมษายน 2564 เป็นต้นมา หลังจากการผ่อนปรนมาตรการล็อคดาวน์เพื่อเป็นการรองรับมาตรการเปิดประเทศ ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 แม้ว่า ศบค. มีคำสั่งยกเลิก Test & Go และให้ใช้ระบบกักตัว พร้อมปิดรับลงทะเบียนนักท่องเที่ยวรายใหม่เข้าไทยตั้งแต่วันที่ 21 ธันวาคม 2564 จากการระบาดของโอมิครอนก็ตาม 

ประกอบกับการตรึงราคาน้ำมันดีเซลไม่เกิน 30 บาทต่อลิตร ส่งผลทางจิตวิทยาในเชิงบวกต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่คาดว่าจะทำให้การจับจ่ายใช้สอยของคนไทยในการบริโภคและการท่องเที่ยเที่ยวเพิ่มขึ้น ตลอดจนค่าใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะมีมากขึ้นในช่วงปลายปี รวมทั้งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐที่จะเข้ามาหมุนเวียนเพิ่มเติมในระบบเศรษฐกิจกว่าแสนล้านบาทจะทำให้เศรษฐกิจไทยและการจ้างงานปรับตัวดีขึ้นในช่วงปลายปีนี้ ส่งผลให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคทั้งในปัจจุบันและในอนาคตปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง