โบรกคาด "กำไรแบงก์" ไตรมาส 4/64 อยู่ที่ 4.2 หมื่นล้าน เชื่อปี 65 โตต่อเนื่อง

โบรกคาด "กำไรแบงก์" ไตรมาส 4/64 อยู่ที่ 4.2 หมื่นล้าน เชื่อปี 65 โตต่อเนื่อง

“บล.ทิสโก้” คาดหุ้นแบงก์ไตรมาส 4/64 คว้ากำไร 4.27 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 43% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน แรงหนุนตั้งสำรองลดลง-รายได้ฟื้นตัว “บล.เมย์แบงก์” มองโอมิครอนส่งผลกระทบจำกัด แนะนำซื้อรับกำไรปีนี้โตอีก 10%

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโสสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทิสโก้ เปิดเผยว่า บล.ทิสโก้ คาดการณ์กำไรของหุ้นในกลุ่มธนาคารงวดไตรมาส 4 ปี 2564 อยู่ที่ 4.27 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 43.1% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน และเพิ่มขึ้น 7.7% เมื่อเทียบไตรมาสก่อนหน้า โดยได้ปัจจัยหนุนจากการตั้งสำรองที่ลดลง ยกเว้นธนาคารกสิกรไทย (KBANK) ที่กำไรสุทธิลดลง 30% จากการตั้งสำรองที่ต่ำเป็นพิเศษในช่วงเดียวกันปีก่อน

แม้ว่าคาดการณ์รายได้ส่วนต่างๆ ของกลุ่มธนาคารจะยังไม่กลับมาเติบโตโดดเด่นมากนัก แต่เริ่มเห็นสัญญาณของการฟื้นตัว โดยเฉพาะการฟื้นตัวของสินเชื่อและการฟื้นตัวของรายได้ค่าธรรมเนียม จากปัจจัยหนุนกิจกรรมทางเศรษฐกิจในไตรมาส 4 ปี 2564 เริ่มกลับสู่ระดับปกติมากขึ้น รวมถึงการเติบโตของรายได้ที่เกี่ยวข้องกับตลาดทุน

สำหรับแนวโน้มไตรมาส 1 ปี 2565 ยังประเมินทิศทางได้ยาก ภายหลังเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนในประเทศ อย่างไรก็ดี ฝ่ายวิจัยยังคงมุมมองเชิงบวกต่อผลการดำเนินงานของกลุ่มในปีนี้ เพราะเชื่อว่ากำไรของกลุ่มธนาคารได้ผ่านพ้นจุดต่ำสุดไปแล้ว อีกทั้งคาดว่ากำไรปี 2565 จะเติบโตขึ้นจากปี 2564 โดยได้แรงหนุนจากการเติบโตของเศรษฐกิจ ภาวะดอกเบี้ยขาขึ้น และการตั้งสำรองที่ลดลง

ขณะที่การลงทุน บล.ทิสโก้ ให้น้ำหนักกลุ่มธนาคาร “มากกว่าตลาด” (Overweight) แม้ความเสี่ยงของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนจะเพิ่มขึ้น แต่ด้วยแนวโน้มกำไรไตรมาส 4 ปี 2564 ที่คาดว่าจะดีขึ้น การกลับมาของกิจกรรมทางเศรษฐกิจในปีนี้ ต้นทุนสินเชื่อที่ลดลง และรายได้ที่คาดว่าจะฟื้นตัว จะส่งผลบวกให้ราคาหุ้นกลุ่มธนาคารเคลื่อนไหวได้โดดเด่น (Outperform)

กำไรแบงก์ ไตรมาส 4 2564

นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า เข้าสู่ช่วงการประกาศงบของกลุ่มธนาคาร โดยคาดว่า บมจ.ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป (TISCO) จะประกาศออกมาเป็นรายแรกในวันศุกร์ที่ 14 ม.ค.นี้ ขณะที่คาดการณ์กำไรไตรมาส 4 ปี 2564 ของกลุ่มคาดว่าจะอยู่ที่ 3.45 หมื่นล้านบาท ทรงตัวเมื่อเทียบไตรมาสก่อน แต่เพิ่มขึ้น 22% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน โดยได้ปัจจัยหนุนจากการตั้งสำรองและต้นทุนความเสี่ยงจากการให้สินเชื่อ (Credit Cost) ที่ลดลง

สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานปี 2565 คาดว่ากำไรจะยังเติบโตราว 10% แม้มีความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนเข้ามากดดัน แต่เชื่อว่าภาครัฐจะไม่กลับไปใช้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมโรค จึงคาดว่าภาวะเศรษฐกิจและรายได้ของธนาคารจะถูกผลกระทบจำกัด ส่วนความเสี่ยงของหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ภายหลังจบมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คาดว่าจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 4.6% จากคาดการณ์ที่ 4.3% ในไตรมาส 4 ปี 2564

ขณะที่การลงทุน แม้ราคาหุ้นจะเริ่มปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่ด้วยมูลค่า (Valuation) ที่ยังซื้อขายในระดับต่ำ กล่าวคือซื้อขายด้วยราคาต่อมูลค่าทางบัญชี (P/BV) เพียง 0.7 เท่า จึงยังคงคำแนะนำซื้อเมื่อราคาอ่อนตัวลง โดยเลือก KBANK และธนาคารทหารไทยธนชาต (TTB) เป็นหุ้นเด่น ราคาเหมาะสม 180 บาทต่อหุ้น และ 1.50 บาทต่อหุ้น ตามลำดับ