ชาวสวนปาล์มชี้ 2 ปัจจัยฉุดรายได้แม้ราคาพุ่ง

รองประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติและประธานสภาเกษตรกรจังหวัดสุราษฎร์ธานี สิทธิพร จริยพงศ์ ระบุ แม้ว่าราคาปาล์มจะสูงเป็นประวัติการณ์ในรอบหลายสิบปี แต่รายได้เกษตรกรไม่ได้เพิ่มขึ้นด้วย 2 ปัจจัย

รองประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติและประธานสภาเกษตรกรจังหวัดสุราษฎร์ธานี สิทธิพร จริยพงศ์ ระบุ แม้ว่าราคาปาล์มจะสูงเป็นประวัติการณ์ในรอบหลายสิบปี แต่รายได้เกษตรกรไม่ได้เพิ่มขึ้นด้วย 2 ปัจจัย คือ 1.ผลผลิตปาล์มในปัจจุบันมีแค่ประมาณ 25 เปอร์เซ็นต์จาก 100 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ส่วนตัวคิดว่าน่าจะเป็นผลมาจากอุณภูมิโลกและอุณหภูมิในประเทศไทยที่สูงขึ้น ไม่เฉพาะสวนเกษตรกรรายย่อยเท่านั้น สวนที่มีการบริหารจัดการดีก็ไม่มีผลผลิตปาล์มเช่นกัน และไม่เฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น ประเทศเพื่อนบ้านที่เป็นผู้ผลิตปาล์มรายใหญ่ เช่น อินโดนีเซีย และมาเลเซียก็มีสภาพที่ไม่แตกต่างกัน ทำให้ราคาตลาดโลกสูงในปัจจุบัน

และ 2.ราคาปุ๋ยที่เพิ่มขึ้นสูงมาก ซึ่งรัฐบาลไม่สามารถจัดการกับปัญหานี้ได้ ยกตัวอย่าง ปุ๋ยสูตร 00-60 จาก 500 กว่าบาท ปรับเพิ่มเป็น 1,200 บาท 

จาก 2 ปัจจัยดังกล่าว ทำให้เกษตรกรชาวสวนปาล์มแทบจะไม่มีรายได้เพิ่มจากราคาปาล์มที่สูงขึ้นเลย เมื่อดูจากปริมาณผลผลิตที่มีอยู่จริง และราคาปุ๋ยที่เพิ่มขึ้น

เท่าที่มีการคิดต้นทุนการผลิตภายใต้สถานการณ์ปัจจุบันที่ปุ๋ยราคาแพงแบบหยาบๆกับผู้นำเกษตรกรหลายๆกลุ่มตอนนี้พบว่าราคาต้นทุนปรับไปยืนอยู่ที่เกือบ 6 บาทต่อกิโลกรัม เมื่อเทียบกับราคาต้นทุนก่อนหน้านี้อยู่ที่ประมาณ 3.07 บาทต่อกิโลกรัม แต่ตอนนี้ราคาปุ๋ยปรับขึ้นอีก 2 เท่าตัว ฉะนั้นถ้าหากแนวโน้มราคาปุ๋ยยังอยู่แบบนี้
แล้วเกิดจู่ๆราคาปาล์มลดลงมาเหลือ 4-5 ต่อกิโลกรัม ในขณะที่ปุ๋ยยังยืนราคาสูงอยู่แบบนี้ต่อไป เชื่อว่าเกษตรกรไม่ใส่ปุ๋ยแน่นอน มันใส่ไม่ได้เพราะต้นทุนการผลิตสูงกว่าราคาขาย

รัฐบาลจะต้องเตรียมพร้อมสำหรับสถานการณ์ราคาปาล์มที่อาจจะลดลงในอนาคตต่ำกว่าราคา 6 บาทต่อกิโลกรัมและยังไม่สามารถแก้ปัญหาปุ๋ยราคาแพงได้

สำหรับสถานการณ์ราคาปาล์มในปีนี้จะปรับเพิ่มขึ้นหรือลดลงนั้น ต้องรอประเมินสถานการณ์หลังจากเดือนเมษายนอีกครั้ง เนื่องจากดูช่อดอกว่าจะเป็นอย่างไรและแนวโน้มผลผลิตปาล์มจะเพิ่มขึ้นไหม