คำสั่ง ก.ล.ต. ตอกย้ำ อดีตบิ๊กเนชั่น “ตกแต่งบัญชี”

คำสั่ง ก.ล.ต. ตอกย้ำ อดีตบิ๊กเนชั่น “ตกแต่งบัญชี”

   คำสั่งก.ล.ต.กล่าวโทษ ต่อดีเอสไอ ตอกย้ำ”อดีตผู้บริหาร”เนชั่นฯ กระทำการตามที่ผู้บริหารชุดปัจจุบันร้องทุกข์ฐานร่วมตกแต่งบัญชีกว่า 690 ล้านบาท 

       

นายฉาย บุนนาค ประธานกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (NMG) เปิดเผยว่า กรณีที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวโทษอดีตกรรมการและผู้บริหาร NMG ต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)นั้น เป็นการกล่าวโทษต่ออดีตกรรมการและผู้บริหาร NMG ก่อนที่คณะผู้บริหารชุดใหม่จะเข้ามาบริหาร

ทั้งนี้เมื่อวันที่ 7 ม.ค.2565 ก.ล.ต.ได้กล่าวโทษ อดีตกรรมการและผู้บริหาร  NMG รวม 4 ราย ต่อดีเอสไอ กรณีร่วมกันกระทำผิดหน้าที่โดยทุจริต ไม่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความรับผิดชอบ ระมัดระวัง และซื่อสัตย์สุจริต ทำให้บริษัทได้รับความเสียหาย และได้ร่วมกันกระทำการหรือยินยอมให้กระทำการลงข้อความเท็จหรือไม่ลงข้อความสำคัญในบัญชีหรือเอกสารของบริษัท

นายฉาย กล่าวว่า การกล่าวโทษของก.ล.ต.ต่ออดีตกรรมการและผู้บริหาร NMG ทั้งหมดต่อดีเอสไอ มีขึ้นหลังจากที่ผู้บริหารและกรรมการชุดใหม่ของ NMG ได้ร้องทุกข์ต่อก.ล.ต.เมื่อต้นปี 2562 หลังพบรายได้ค้างรับค่าโฆษณา ระหว่างปี 2558 ถึงปี 2560 จำนวนมากถึง 691 ล้านบาท ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนที่ผู้บริหารชุดปัจจุบันจะเข้ามารับหน้าที่  

“การกล่าวโทษต่ออดีตกรรมการและผู้บริหารของเนชั่นฯ เกิดขึ้นเพราะผู้บริหารชุดปัจจุบันได้ร้องขอ และส่งพยานหลักฐานให้ก.ล.ต. ถึงความไม่ชอบมาพากลของการบันทึกรายได้ค้างรับจำนวนมาก ซึ่งผิดวิสัยของการทำธุรกิจโดยสุจริต จนในที่สุดก.ล.ต.จึงมีคำสั่งให้กล่าวโทษต่ออดีตกรรมการและผู้บริหารดังกล่าว”

 ก.ล.ต.ระบุว่า จากการตรวจสอบบุคคล 4 ราย ซึ่งขณะเกิดเหตุในช่วงปี 2558 ถึงปี 2560 เป็นกรรมการและผู้บริหารของ NMG  ได้ร่วมกันตัดสินใจ อนุมัติ สั่งการ และดำเนินการให้บันทึกรายได้ค่าโฆษณาที่ไม่มีจริงในงบการเงินของ NMG

ทั้งนี้จากพยานหลักฐานพบการตกแต่งรายได้และรายได้ค้างรับค่าโฆษณาของ NMG ในงบการเงินปี 2558 ถึงปี 2560 ซึ่งเป็นรายได้ที่ไม่มีอยู่จริงและเรียกเก็บเงินจากลูกค้าไม่ได้จริง โดยทั้ง 4 ราย ได้ร่วมกันสั่งการให้มีการบันทึกรายได้ที่ไม่มีอยู่จริงในลักษณะแบ่งหน้าที่กัน

อีกทั้งยังมีการแก้ไขระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการขายโฆษณา เพื่อเอื้อให้ฝ่ายขายบันทึกใบจองโฆษณาปลอมเข้าไปในระบบการขายโฆษณา และให้ฝ่ายบัญชีนำใบจองโฆษณาปลอมดังกล่าวมาบันทึกเป็นรายได้และรายได้ค้างรับจำนวน 691 ล้านบาท ซึ่งการกระทำดังกล่าวถูกตรวจพบในปี 2561 โดยบริษัทได้แก้ไขงบการเงินและเปิดเผยผ่านสารสนเทศของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยแล้วในเดือนส.ค.2561

ก.ล.ต.ยังระบุอีกว่า การกระทำของผู้บริหาร และอดีตกรรมการและผู้บริหาร NMG กับพวกข้างต้น เข้าข่ายเป็นการร่วมกันกระทำผิดหน้าที่โดยทุจริต ไม่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความรับผิดชอบ ความระมัดระวัง และความซื่อสัตย์สุจริต ทำให้ NMG ได้รับความเสียหายจากการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าว

นอกจากนี้ยังได้ร่วมกันกระทำการหรือยินยอมให้กระทำการลงข้อความเท็จหรือไม่ลงข้อความสำคัญในบัญชีหรือเอกสารของ NMG หรือที่เกี่ยวกับ NMG เพื่อลวงบุคคลใดๆ ซึ่งเข้าข่ายความผิดตามมาตรา 281/2 วรรคสอง ประกอบมาตรา 89/7 และมาตรา 312 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ประกอบมาตรา 83 แห่งประมวลกฎหมายอาญา ก.ล.ต. จึงกล่าวโทษบุคคลทั้ง 4 ราย ต่อดีเอสไอเพื่อพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

นายฉาย กล่าวอีกว่า ในระหว่างที่บริษัทร้องทุกข์ต่อก.ล.ต.นั้น บริษัท ได้ดำเนินการฟ้องร้องทางแพ่งกับอดีตกรรมการและผู้บริหารฯของบริษัทร่วมกันกระทำละเมิดตกแต่งบัญชี ทำให้บริษัทได้รับความเสียหาย ซึ่งเมื่อวันที่ 18 ธ.ค.2563 ศาลชั้นต้นได้พิพากษาให้อดีตกรรมการและผู้บริหารบริษัทฯ 2 ราย ชดใช้ค่าเสียหายจำนวน 36 ล้านบาท โดยขณะนี้คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์