รับสร้างบ้านหวั่นปัจจัยเสี่ยง‘โอมิครอน-ต้นทุนวัสดุขยับ’

รับสร้างบ้านหวั่นปัจจัยเสี่ยง‘โอมิครอน-ต้นทุนวัสดุขยับ’

ส่องเทรนด์รับสร้างบ้าน65 “พีดีเฮ้าส์” จับตาเสือร้ายหรือแมวเหมียว แนะผู้ประกอบการเฝ้าระวังต้นทุนวัสดุผันผวน หนีแข่งตลาดแดงเดือด เดินหน้าปักธงสาขาเพิ่มภาคกลาง-อีสาน หนุนโกยยอดพันล้าน

นายสิทธิพร สุวรรณสุต บริษัท พีดี เฮ้าส์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ภายใต้แบรนด์ ศูนย์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์ กล่าวว่า ผู้ประกอบการรับสร้างบ้านส่วนใหญ่ ทั้งในเขตกรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัด มีความวิตกกังวลในแนวทางแก้ปัญหาของรัฐบาลต่อสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ “โอมิครอน” ที่กำลังแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วในขณะนี้จะส่งผลอย่างไร ซึ่งหากเน้นใช้หลักความมั่นคงนำเศรษฐกิจเช่นที่ผ่านมาย่อมกระทบต่อความเชื่อมั่นประชาชน อาจทำให้เศรษฐกิจชะงักและกำลังซื้อหดตัวอีกรอบกระทบต่อธุรกิจรับสร้างบ้าน

นอกจากนี้ ผู้ผลิตวัสดุก่อสร้างต่างเตรียมปรับขึ้นราคาในปี 2565 เป็นอีกหนึ่งปัญหาของผู้ประกอบการรับสร้างบ้าน โดยเฉพาะรายที่เน้นแข่งขันราคาต่ำหรือตัดราคา ซึ่งทำสัญญารับจ้างกับลูกค้าตามต้นทุนวัสดุราคาเดิมไว้ จึงต้องแบกรับต้นทุนที่ปรับตัวสูงขึ้นเอง อาจประสบปัญหาขาดทุนหนักหรือดำเนินกิจการต่อไปอย่างลำบาก
 

หากประเมินปัจจัยบวกและลบ คาดว่าภาพรวมตลาดรับสร้างบ้านปีนี้มีโอกาสกลับมาขยายตัวหรือชะลอตัวได้เท่า ๆ กัน ดังนั้นบริษัทจึงเตรียมแผนเชิงรุกและตั้งรับ ปรับตัวตามสถานการณ์ เช่น การขยายสาขาและพื้นที่ให้บริการต่างจังหวัด เน้นภาคกลางและอีสน รองรับกำลังซื้อที่จะขยายตัว การปรับโครงสร้างองค์กรให้กระทัดรัด โดยนำซอฟแวร์และระบบปฏิบัติงานบนแอพพลิเคชั่น มาใช้ในการจัดการงานหลังบ้านเป็นการลดต้นทุนค่าดำเนินงานและค่าใช้จ่าย รวมทั้งเป็นการหลีกเลี่ยงสงครามราคา

"หากสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 และการควบคุมของภาครัฐไม่เกิดปัญหาซ้ำ เชื่อว่ากำลังซื้อและความต้องการสร้างบ้านของผู้บริโภคมีโอกาสจะกลับมาขยายตัวอีกครั้ง มีความต้องการสร้างบ้านหลังใหม่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ตลาดรับสร้างบ้านปีนี้ขยายตัว 5-7% เทียบปีที่ผ่านมา"
 

สำหรับภาพรวมปริมาณบ้านสร้างเองและความต้องการสร้างบ้านหลังใหม่ปีที่ผ่านมา "ซบเซา" ต่อเนื่อง จากสถานการณ์โควิด และเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวในอัตราต่ำมาก โดยเฉพาะ 3 ไตรมาสแรก (ม.ค.-ก.ย.) ผู้บริโภคไม่กล้าตัดสินใจลงทุนเกี่ยวกับบ้านและรถยนต์ ขณะที่ไตรมาส 4 รัฐเริ่มผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรคระบาดและประชาชนได้รับการฉีดวัคซีนมากขึ้น พบว่าผู้บริโภคที่ชะลอแผนสร้างบ้านกลับมาศึกษาข้อมูลและกล้าตัดสินใจสร้างบ้านใหม่อีกครั้ง สะท้อนจากยอดขายหรือยอดจองสร้างบ้านของพีดีเฮ้าส์ รวมถึงกลุ่มบริษัทรับสร้างบ้าน นอกจากนี้ การปรับราคาขึ้นของวัสดุก่อสร้างและราคาบ้านปี 2565 เป็นตัวแปรเร่งการตัดสินใจสร้างบ้านในช่วงท้ายปี

ในปี 2565  ศูนย์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์ตั้งเป้ายอดขายบ้านรวมทุกสาขากว่า 1,000 ล้านบาทพร้อมรุกขยายรับงานอินทีเรียหรือตกแต่งภายใน ตั้งเป้ารับรู้รายได้รวมงานอินทีเรียอีก 90-100 ล้านบาท

“ภาพรวมการแข่งขันของธุรกิจรับสร้างบ้านปีนี้ เชื่อว่าไม่รุนแรงเท่าปีที่ผ่านมา เพราะผู้ประกอบการส่วนใหญ่กังวลกับปัญหาต้นทุนก่อสร้างที่ผันผวนและเพิ่มสูงขึ้น รวมถึงพฤติกรรมผู้บริโภคกลุ่มที่ต้องการใช้บริการรับสร้างบ้านมืออาชีพ ส่วนใหญ่จะพิจารณาและให้ความสำคัญเรื่องคุณภาพการก่อสร้าง ทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญ และความน่าเชื่อถือ”

อย่างไรก็ดีผู้ประกอบการต้องพัฒนาขีดความสามารถในการดำเนินธุรกิจควบคู่ไปพร้อมการนำเทคโนโลยีการก่อสร้างสำเร็จรูปมาใช้มากขึ้นเพื่อทดแทนแรงงานที่ขาดแคลน เลี่ยงโซนการแข่งขันเรดโอเชียน