CK ควง STEC ทำกิจการร่วมค้า ยื่นประมูลก่อสร้างรถไฟ มูลค่า 4.61 หมื่นล้าน

CK ควง STEC ทำกิจการร่วมค้า ยื่นประมูลก่อสร้างรถไฟ มูลค่า 4.61 หมื่นล้าน

ช.การช่าง ควง ซิโนไทย ทำสัญญากิจการร่วมค้า ยืนประมูล โครงการก่อสร้างรถไฟ "สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ" สัญญาที่ 2 ช่วง งาว-เชียงราย"  สำหรับ " ซีเคเอสที-ดีซี2" มูลค่า 2.68 หมื่นล้าน และ3 สัญญาที่ 3 ช่วง "เชียงราย-เชียงของ" มูลค่า 1.93 หมื่นล้าน

บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือ  CK  แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า บริษัทได้ทำสัญญากิจการร่วมค้ากับ บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STEC และ บริษัท บุรีรัมย์พนาสิทธิ์ จำกัด โดยใช้ชื่อว่ากิจการร่วมค้า " ซีเคเอสที-ดีซี2"   

พร้อมกันนี้ยังได้ทำสัญญาร่วมการค้ากับ บริษัท เชียงใหม่คอนสตรัคชั่น จำกัด  โดยใช้ชื่อว่ากิจการร่วมค้า "ซีเคเอสที-ดีซี3" 

มีวัตถุประสงค์เพื่อเข้าร่วม การประกวดราคาตามประกาศและข้อกำหนดการประกวดราคาสำหรับงานโครงการก่อสร้างทางรถไฟ "สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ สัญญาที่ 2 ช่วง งาว-เชียงราย"   สำหรับ " ซีเคเอสที-ดีซี2"  และ "สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ สัญญาที่ 3 ช่วง เชียงราย-เชียงของ" สำหรับ "ซีเคเอสที-ดีซี3" 

 

โดยมีสัดส่วนการร่วมลงทุนดังนี้ 

กิจการร่วมค้า ซีเคเอสที-ดีซี2 มีสัดส่วนการร่วมลงทุน  1. บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) สัดส่วน 54 % 2. บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) สัดส่วน 41% 3. บริษัท บุรีรัมย์พนาสิทธิ์ จำกัด สัดส่วน 5 %

กิจการร่วมค้า ซีเคเอสที-ดีซี3 บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) สัดส่วน 51% 2. บริษัท ซิโน-ไทยเอ็น จีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) สัดส่วน 39 % 3. บริษัท เชียงใหม่คอนสตรัคชั่น จำกัด  สัดส่วน 10 %

 

ทั้งนี้ กิจการร่วมค้า ซีเคเอสที-ดีซี2 ได้ลงนามเป็นผู้รับจ้างในสัญญาจ้างก่อสร้าง โครงการ ก่อสร้างทางรถไฟ สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ สัญญาที่ 2 ช่วง งาว-เชียงราย กับ การรถไฟแห่ง ประเทศไทย  โดยมีทำการลงนามเมื่อวันที่   29 ธันวาคม 2564  มูลค่าสัญญาทั้งสิ้น 26,890 ล้านบาท ระยะเวลาดำเนินการประมาณ 2,160 วัน

ส่วน กิจการร่วมค้า ซีเคเอสที-ดีซี 3  ได้ลงนามเป็นผู้รับจ้างในสัญญาจ้างก่อสร้าง โครงการ ก่อสร้างทางรถไฟ สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ สัญญาที่ 3 ช่วง เชียงราย-เชียงของกับ การรถไฟแห่ง ประเทศไทย โดยทำการลงนามเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2564 มูลค่าสัญญาทั้งสิ้น 19,385 ล้านบาท ระยะเวลาดำเนินการ ประมาณ 2,160วัน