‘ไอเอ็มเอช’เปิดแผนโตปีหน้า จ่อเทคโอเวอร์-จับลูกค้าโควิด

‘ไอเอ็มเอช’เปิดแผนโตปีหน้า จ่อเทคโอเวอร์-จับลูกค้าโควิด

ล็อกดาวน์เพื่อหยุดยั้งการแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อ “บริการทางการแพทย์แบบเชิงรุกนอกสถานที่” (Mobile Checkup) และมีผลต่อบมจ. รพ.อินเตอร์เมดิคัล แคร์แอนด์แล็บ หรือ IMH ผู้ดำเนินธุรกิจรพ.เอกชนเฉพาะทางด้านอาชีวเวชศาสตร์ที่มีประสบการณ์มากกว่า 20 ปี

สะท้อนผ่านผลการดำเงินงานปี 2563“พลิกขาดทุน”จำนวน 16.61 ล้านบาทเนื่องจากการจำกัดการเดินทางทำบริษัทไม่สามารถเดินทางไปถึงลูกค้าได้ แม้บริษัท“ปรับกลยุทธ์”หาช่องทางรายได้อื่นๆ เช่น รายได้จากการให้บริการตรวจภูมิคุ้มกันโควิด-19 และรายได้ค่าบริการตรวจคัดกรอง แต่ยังไม่สามารถทดแทนรายได้จากการตรวจสุขภาพที่ “ลดลง” ได้

“ดร.สิทธิวัตน์ กำกัดวงษ์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรงพยาบาลอินเตอร์เมดิคัล แคร์แอนด์แล็บจำกัด (มหาชน) หรือ IMH ให้สัมภาษณ์ “หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ” ว่า ดังนั้นต้นปี 2564 IHM ตัดสินใจ “เข้าซื้อกิจการ” (M&A) “โรงพยาบาลประชาพัฒน์”ขนาดใหญ่ 100 เตียง มูลค่า161 ล้านบาท

โดยถือเป็นการ “สร้างโอกาสการเติบโต”ทั้งรายได้และกำไรให้อย่างมีนัยสำคัญ สะท้อนผ่านงวด 9 เดือนปี 2564มีกำไรสุทธิ 283.31 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 307.10 ล้านบาทเทียบช่วงเดียวกันปีก่อน หลังสามารถขยายขอบเขตงานกลุ่มธุรกิจการให้บริการรักษาพยาบาลเพิ่มเติมเดิมเน้นให้บริการตรวจสุขภาพไปสู่การบริหารโรงพยาบาลทั่วไป

และจากการปรับกลยุทธ์มาเป็นโรงยาบาลโควิดแบบครบวงจร ที่มีศักยภาพพร้อมรับมือในการให้บริการตรวจโรคและรักษาโควิดในทุกๆรอบอย่างต่อเนื่องและจากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้มีผู้เข้ารับบริการตรวจเชื้อโควิด และมีผู้เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลประชาพัฒน์เป็นจำนวนมาก รวมถึงการให้บริการฉีดวัคซีนซิโนฟาร์มให้กับกลุ่มหน่วยงานและองค์กรขนาดใหญ่ และ ประชาชนทั่วไป

“จากการมีรายได้จากการรักษาพยาบาลที่มีความมั่นคงเข้ามา และยังเป็นการลดความผันผวนของรายได้จากผลกระทบ Seasonal Effect ที่อิงจากการรับรู้รายได้จากกลุ่มลูกค้าหลักในการตรวจสุขภาพประจำปี ซึ่งจะอยู่ในช่วงไตรมาส 3 และ 4 ของทุกปี”

เขา บอกต่อว่า สำหรับความคืบหน้าของแผนธุรกิจปี 2565 ว่า ทาง IMH ยังคงเดินหน้ากลยุทธ์ในการสร้างรายได้จากการให้บริการด้านโควิดอย่างต่อเนื่อง ทั้งการรับฉีดวัคซีนป้องกันโควิดทุกประเภท ให้มากกว่า 1,000,000โดส ควบคู่กับการเตรียมเปิดศูนย์การแพทย์เฉพาะทางรักษาโรคผู้ป่วยหลังโควิด (Post-Covid) เช่น โรคปอดติดเชื้อ, โรคทางเดินหายใจ เป็นต้น ทั้งนี้เพื่อดึงกลุ่มผู้ป่วยจากภาวะหลังป่วยโควิดเข้ารักษา ในโรงพยาบาลต่อเนื่อง

และ แผนขยายกิจการโรงพยาบาลเพิ่มเติม ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจา2 ราย โดยเบื้องต้นคาดว่าภายในไตรมาส1  ปี 2565 จะสามารถสรุปดีลดังกล่าวได้ คาดใช้เงินลงทุนไม่เกิน 300 ล้านบาท เป็นรพ.ขนาด 100 เตียง ซึ่งหากดีลดังกล่าวแล้วเสร็จจะส่งผลให้ IMH มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นในอนาคตอย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้มีแผนในการจะดันโรงพยาบาลประชาพัฒน์ ให้ขยายฐานคนไข้สิทธิ์บัตรทอง, สิทธิ์ประกันสังคม และคนไข้ภายใต้การดูแลเพิ่มขึ้น จากประมาณ 100,000 คน เป็น 200,000 คน

นอกจากนี้ ยังมีแผนในการนำโรงพยาบาลประชาพัฒน์ เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งความคืบหน้าในปัจจุบันได้แต่งตั้งที่ปรึกษาทางการเงินเรียบร้อยแล้ว และคาดว่าจะสามารถเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) และเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้ในช่วงปลายปี 2565 อย่างไรก็ตามจากแผนการต่อยอดธุรกิจในข้างต้น ส่งผลให้บริษัทตั้งเป้าอัตราการเติบโตรายได้รวมในปี 2565 มีโอกาสแตะระดับ 1,000 ล้านบาท

สำหรับ “กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย”ในการให้บริการตรวจสุขภาพ สอดคล้องกับการเติบโตของเศรษฐกิจของประเทศ ที่เป็นปัจจัยสำคัญในการส่งเสริมให้มีการจ้างงานทั้งภาครัฐบาลและภาคเอกชนเพิ่มสูงขึ้น โดยธุรกิจให้บริการทางแพทย์และบริการตรวจวัดคุณภาพสิ่งแวดล้อมของบริษัทและบริษัทย่อยมีการให้บริการลูกค้าทั้งภาครัฐบาลและภาคเอกชนที่ตั้งอยู่ในประเทศไทย เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและความปลอดภัยของลูกจ้างให้ดีขึ้น

เนื่องจากบริษัทมีประสบการณ์ด้านการให้ปรึกษาด้านอาชีวเวชศาสตร์ และความเข้าใจในการออกผลรายงานการตรวจสุขภาพปัจจัยเสี่ยง โดยลูกค้าของบริษัทจะนำรายงานการตรวจสุขภาพของบริษัทยื่นต่อผู้ตรวจสอบ โดยกลุ่มลูกค้าของบริษัทและบริษัทย่อยส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมที่มีขนาดใหญ่ตามจังหวัดต่างๆ

เช่น ภาคตะวันออก บริเวณโครงการระเบียงเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor) ซึ่งได้แก่ นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ชลบุรี นิคมอุตสาหกรรมเหมราชชลบุรี นิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด และนิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง เป็นต้น ภาคกลาง ซึ่งประกอบไปด้วย นิคมอุตสาหกรรมโรจนะ นิคมอุตสาหกรรมไฮเทค นิคมอุตสาหกรรมนวนคร และนิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน เป็นต้น

ท้ายสุด “ดร.สิทธิวัตน์”บอกไว้ว่า การขยายขอบเขตงานในกลุ่มธุรกิจการให้บริการรักษาพยาบาลเพิ่มเติมจากปัจจุบันที่บริษัทเน้นให้บริการตรวจสุขภาพและตรวจสุขภาพอาชีวอนามัยเป้าหมายในอนาคตกำลังต่อยอดโรงพยาบาลประชาพัฒน์ ให้แข็งแกร่ง หวังปูทางเข้าระดมทุนในตลาดหุ้นปีหน้า