สำรวจผลไม้ตะวันออกปี65 “มังคุด”ยอดผลผลิตพุ่ง81%

สำรวจผลไม้ตะวันออกปี65  “มังคุด”ยอดผลผลิตพุ่ง81%

สศก.เคาะผลผลิต ผลไม้ตะวันออก ปี 65 รอบแรก 1.19 ล้านตัน เพิ่ม 27 % คาดออกสูตลาด กลางเดือน ก.พ.นี้เป็นต้นไป ตัน ‘มังคุด’ ผลผลิตพุ่ง 81%ขณะลองกองลด 9 % เหตุราคาตกต่ำ

สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) ได้จัดทำข้อมูลปริมาณการผลิตไม้ผลเอกภาพรอบที่ 1 ปี 2565 ของไม้ผลเศรษฐกิจภาคตะวันออก 4 ชนิด ได้แก่ ทุเรียน มังคุด เงาะและลองกอง ในพื้นที่ 3 จังหวัด คือ จันทบุรี ระยองและตราด 

ชัฐพล สายะพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 6 ชลบุรี (สศท.6) สศก.เปิดเผยว่า จากการจัดทำข้อมูลดังกล่าว คาดว่ามีผลผลิตประมาณ 1.13 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 27% จากปี 2564 ที่มี 900,126 ตัน โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากสภาพอากาศเอื้ออำนวย โดยช่วงปลายปี 2564 เริ่มหนาวเย็นเร็วส่งผลต่อการออกดอกติดผลของไม้ผล 

ทั้งนี้ คาดว่าผลผลิตจะเริ่มออกสู่ตลาดได้ตั้งแต่กลางเดือน ก.พ.2565 ต่อเนื่องถึงกลางเดือน ก.ย.2565 ซึ่งผลผลิตจะออกชุกช่วงเดือนพ.ค.2565

 

สำรวจผลไม้ตะวันออกปี65  “มังคุด”ยอดผลผลิตพุ่ง81%

สำหรับเนื้อที่ยืนต้นของไม้ผลทั้ง 4 ชนิด มีจำนวน 779,391 ไร่ เพิ่มขึ้น 5% จากปี 2564 ที่มีจำนวน 743,593 ไร่ แบ่งรายละเอียดได้ดังนี้ ทุเรียน เพิ่มขึ้น 11% ลองกอง ลดลง 5% เงาะ ลดลง 3% และมังคุด ลดลง 1% เพราะเกษตรกรปรับเปลี่ยนมาปลูกทุเรียนมากขึ้น 

ขณะที่เนื้อที่ให้ผลของไม้ผลทั้ง 4 ชนิด มีจำนวน 642,280 ไร่ เพิ่มขึ้น 1% จากปี 2564 ที่มีจำนวน 635,761 ไร่ โดยทุเรียน เพิ่มขึ้น 4% ลองกอง ลดลง 5% เงาะ ลดลง 2% และมังคุด ลดลง 1% เพราะในสวนผสมเกษตรกรจะสางต้นผลไม้ทั้ง 3 ชนิดออกเพื่อปลูกทุเรียนแซมและสางออกเพื่อให้ต้นทุเรียนมีทรงพุ่มรับแสงแดดสังเคราะห์แสงได้เต็มที่

ด้านผลผลิต รวมทั้ง 4 ชนิด คาดว่าทุเรียน มังคุด และเงาะจะเพิ่มขึ้น โดยมังคุดจะมีผลผลิตเพิ่มขึ้นมากที่สุดอยู่ที่ 81% เพราะสภาพอากาศที่หนาวเย็นช่วงปลายปี 2564 และการได้พักต้นจากการไม่ออกดอกติดผลในปีที่แล้ว ทำให้ต้นมังคุดได้สะสมอาหารเต็มที่ 

รองลงมาทุเรียน เพิ่มขึ้น 25% และเงาะ เพิ่มขึ้น 5% ส่วนลองกอง ลดลง 9% เพราะปัญหาราคาตกต่ำอย่างต่อเนื่องและปัญหาการส่งออกของตลาดปลายทางประเทศเวียดนาม และมียอดรับซื้อค่อนข้างน้อยส่งผลให้ลองกองส่วนใหญ่จะขายภายในประเทศ

รวมถึงปัญหาด้านแรงงานในการตกแต่งช่อลองกองค่อนข้างหายาก ซึ่งหากไม่แต่งช่อลองกองจะทำให้ช่อไม่สวยและจะถูกนำไปขายเป็นลองกองตกเกรด (กระซ้า) ราคาจะต่ำมาก โดยเกษตรกรจึงมีการโค่นและสางลองกองที่ปลูกเป็นพืชแซมออกตลอดทุกปี 

ด้านผลผลิตต่อไร่ ทุเรียน มังคุดและเงาะ คาดว่าจะเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะมังคุดเพราะปี 2564 สภาพอากาศเอื้ออำนวยมีอายุต้นช่วงให้ผลผลิตสูง และมีปริมาณน้ำมีเพียงพอใช้เลี้ยงต้น ดอก ผลผลิต ประกอบกับราคาจูงใจทำให้เกษตรกรเอาใจใส่ดูแลรักษามากขึ้น

ส่วนลองกอง คาดว่าจะลดลงเพราะส่วนใหญ่เกษตรกรจะปลูกเป็นพืชแซม เป็นพืชผลพลอยได้ในสวน การดูแลรักษาจะน้อยกว่าพืชอื่น และปัจจุบันมีเกษตรกรที่ปลูกลองกองเป็นพืชเดี่ยวน้อย

ขณะนี้ ทุเรียน ออกดอกแล้ว 61.52% ส่วนใหญ่อยู่ในระยะเหยียดตีนหนูและเริ่มเป็นมะเขือพวง โดยทุเรียนพันธุ์เบาจะเริ่มติดดอกปลายเดือน ต.ค.2564 และทุเรียนพันธุ์กระดุมและพันธุ์หมอนทองที่ใช้สารกระตุ้นการออกดอกจะเริ่มทยอยเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ตั้งแต่เดือน ก.พ.2565

สำหรับผลผลิตจะออกมากที่สุดช่วงปลายเดือน เม.ย.2565 ต่อเนื่องถึงเดือน พ.ค.2565 โดยเงาะ ยังออกดอกน้อยมาก 0.25% ส่วนใหญ่อยู่ในระยะเตรียมใบและเริ่มตั้งช่อดอก เริ่มเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ตั้งแต่ปลายเดือน มี.ค.-ส.ค.2565 ผลผลิตจะออกมากที่สุดช่วงกลางเดือนพ.ค.ต่อเนื่องถึงต้นเดือน มิ.ย.2565 โดยเดือน มี.ค.ผลผลิตเงาะสีทองของจังหวัดตราดจะเก็บเกี่ยวได้เร็วกว่าทุกพื้นที่ 

มังคุด ออกดอกแล้วเล็กน้อย 1.15% ส่วนใหญ่ยังอยู่ในระยะเตรียมใบ คาดว่ามังคุดจะเริ่มเก็บเกี่ยวได้เล็กน้อยตั้งแต่กลางเดือน มี.ค.2565 และจะเก็บเกี่ยวได้มากปลายเดือน พ.ค.ต่อเนื่องถึงกลางเดือน มิ.ย.2565 และลองกองยังออกดอกน้อยมาก 0.50% ส่วนใหญ่อยู่ในระยะเตรียมต้น เตรียมใบ 

ลองกอง ออกดอกได้ตลอดทั้งปีหากต้นสมบูรณ์ โดยจะเริ่มเก็บเกี่ยวได้ตั้งแต่ปลายเดือน เม.ย.ถึงปลายเดือน ก.ย.2565 และผลผลิตจะออกมากที่สุดช่วงปลายเดือน มิ.ย.ต่อเนื่องถึงกลางเดือน ก.ย.2565

สำหรับแนวทางการบริหารจัดการผลไม้ของคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ (Fruit Board) ได้เน้นบริหารจัดการข้อมูลเพื่อเชื่อมโยงกับตลาดผู้ซื้อรวดเร็วผ่านการค้าออนไลน์ โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นหน่วยงานหลักด้านการผลิตให้ได้คุณภาพมาตรฐาน GAP ส่วนกระทรวงพาณิชย์หน่วยงานหลักด้านตลาดจะสนับสนุนการกระจายผลผลิตออกนอกพื้นที่ให้คล่องตัว ผลักดันการส่งออก การเปิดตลาดต่างประเทศ ส่งเสริมการจำหน่ายผลผลิตผ่านช่องทางสมัยใหม่สอดคล้อง Thailand 4.0 โดยกระตุ้นซื้อขายออนไลน์มากขึ้น 

ในขณะที่การบริหารจัดการช่วงสถานการณ์โควิด-19 กรมวิชาการเกษตร สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 6 จังหวัดจันทบุรี ซึ่งดูแลการผลิตสินค้าแบบ GAP เน้นสินค้าคุณภาพ มีการควบคุมการผลิตตามมาตรฐานการผลิตที่ถูกสุขลักษณะ มีการตรวจแหล่งที่ปลูกของเกษตรกรและการตรวจล้งส่งออกเพื่อให้มีมาตรฐานการป้องกันเชื้อโควิด มีการป้องกันพนักงานคัดบรรจุและอาคารสถานที่คัดบรรจุได้มาตรฐานตามหลัก GMP โดยมีการสุ่มตรวจจากประเทศผู้นำเข้าจากจีนตั้งแต่ก่อนส่งสินค้าเข้าจีน

ทั้งนี้ สศท.6 จะติดตามรายงานสถานการณ์อย่างใกล้ชิดในครั้งที่ 2 ช่วงต้นเดือน ก.ค.2565 และมีกำหนดลงพื้นที่ติดตามสำรวจข้อมูลสถานการณ์การออกดอก ติดผล และเก็บเกี่ยวผลผลิตจริงกับเกษตรกรผู้ปลูกไม้ผลทั้ง 4 ชนิด ในเดือน มี.ค.2565 เพื่อใช้ข้อมูลวางแผนบริหารจัดการผลไม้ร่วมกับคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ (Fruit Board) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในภาคตะวันออก