พบการติดเชื้อโอมิครอนในประเทศ (21 ธ.ค. 64)

พบการติดเชื้อโอมิครอนในประเทศ (21 ธ.ค. 64)

วันจันทร์ที่ผ่านมา ดัชนีปรับตัวลงต่อเนื่อง ลบต่ำสุดถึง 29 จุด เป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในต่างประเทศ โดยดัชนีตลาดหุ้นที่ปรับตัวลง มาจากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เร่งตัวขึ้นในหลายประเทศ (ตลาดหุ้นในภูมิภาคปรับตัวลบ ราว -0.8% ถึง -2.0 % )

กลุ่มที่ปรับตัวฉุดตลาด ทั้งกลุ่มพลังงาน ค้าปลีก และธนาคาร ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,615.80 จุด -25.93 จุด -1.58% มูลค่าการซื้อขาย 82,358 ลบ.ต่างชาติ -2,905.48 ลบ. TFEX -1,396 สัญญา ตราสารหนี้ +8,289.50 ลบ.

 

ปัจจัยบวก  

+ องค์การยาแห่งยุโรป (EMA) อนุมัติการใช้วัคซีนต้านโควิด-19 ของบริษัทโนวาแวกซ์ อิงค์ฉีดให้ประชาชนอายุ 18 ปีขึ้นไป
+บริษัทโมเดอร์นา อิงค์ เปิดเผยว่าการฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 ขนาด 50 ไมโครกรัมจะช่วยให้ร่างกายสร้างแอนติบอดีต้านไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนเพิ่มขึ้น 37 เท่าเมื่อเทียบกับการฉีดวัคซีน 2 เข็ม หากฉีด 100 ไมโครกรัมจะช่วยเพิ่มภูมิต้านทานโอมิครอนเป็น 83 เท่า
+รัฐบาลอังกฤษยังไม่มีประกาศมาตรการคุมเข้มการแพร่ระบาดของโควิด-19 ครั้งใหม่ แต่จะจับตาดูสถานการณ์เป็นรายชั่วโมง
+ฟิทช์ เรทติ้งส์ คงอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทยที่ BBB+ ที่ระดับมีเสถียรภาพเนื่องจากภาคการคลังสาธารณะมีความเข้มแข็ง
+ส่งออก พ.ย.2564 +24.7% 11M64 +16.4% ก.พาณิชย์คาดส่งออกทั้งปีโตไม่ต่ำกว่า 15-16% อานิสงส์การบริโภค-การผลิตทั่วโลกฟื้นตัว เงินบาทอ่อนค่า
+/-ศบค.พบผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่ 2,476 ราย ATK 264 ราย เสียชีวิต 32 ราย

 

ปัจจัยลบ

- ดัชนีดาวโจนส์ปิดลดลง 433.28 จุด หรือ -1.23% กังวลว่าการแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนจะผลักดันให้หลายประเทศกลับมาใช้มาตรการล็อกดาวน์รอบใหม่ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.75 ล้านล้านดอลลาร์ของปธน.โจ ไบเดนอาจถูกคว่ำในวุฒิสภา
- สัญญาน้ำมัน WTI ลดลง 2.63 ดอลลาร์ -3.7% ปิดที่ 68.23 ดอลลาร์/บาร์เรล กังวลมาตรการล็อกดาวน์และควบคุมการเดินทางเพื่อสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนจะส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมัน
 

 

-โกลด์แมน แซคส์ปรับลด GDP สหรัฐปี 65 หลังมาตรการกระตุ้นศก.วงเงิน 1.75 ล้านล้านดอลลาร์ที่จะให้เงินช่วยเหลือ เด็กอ่อน ประกันสุขภาพ และลดภาษีพลังงานสะอาดอาจไม่ผ่านมติของวุฒิสภาสหรัฐ
-WHOเตือนว่าไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนแพร่ระบาดรวดเร็วกว่าสายพันธุ์เดลตา และผู้ที่ได้รับวัคซีนหรือเคยติดเชื้อโควิด-19 ก็อาจจะได้รับเชื้อหรือติดเชื้อซ้ำได้
-ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐ (CDC) เปิดเผยว่า ไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนกลายเป็นสายพันธุ์หลักที่แพร่ระบาดในสหรัฐแล้วคิดเป็นสัดส่วน 73% ของผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 พบผู้เสียชีวิตจากโอมิครอนรายแรก เป็นชายวัย 50 ปีไม่ฉีดวัคซีน
 

แนวโน้มตลาดวันนี้    

คาดดัชนีในวันนี้มีโอกาสปรับตัวลงต่อตามทิศทางตลาดต่างประเทศ เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าการแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนจะผลักดันให้หลายประเทศกลับมาใช้มาตรการล็อกดาวน์รอบใหม่ ขณะที่สถานการณ์ในประเทศมีการตรวจพบการติดเชื้อโอมิครอนในประเทศรายแรกแล้ว มองกรอบดัชนีในวันนี้ที่ 1,600-1,625 จุด

 

กลยุทธ์การลงทุน

• หุ้นที่มีเข้าคำนวณ SET50 รอบ 1H65 : หุ้นเข้า AWC BANPU TIDLOR หุ้นออก BJC DELTA STA , SET100 : หุ้นเข้า AWC BLA BPP EPG KEX RCL SIRI STARK TIDLOR TTA หุ้นออก BJC DELTA AAV ICHI JAS NRF PRM PTL PSL TKN
• หุ้นที่ได้ประโยชน์จากการแพร่ระบาลของโควิด-19 STGT VIBHA BCH EKH CMR SMD WINMED PHOL

 

 

 

หุ้นรายงานพิเศษ  

                                    BRI - <บมจ.บริทาเนีย> - ราคา IPO 10.5 บาท

•BRI เป็นบริษัทแกนนำหลักของกลุ่ม ORI ประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัยแนวราบซึ่งรวมถึง บ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์โฮม และทาวน์เฮ้าส์ ภายใต้ 4 แบรนด์หลัก ได้แก่ (1) “เบลกราเวีย” (2) “แกรนด์ บริทาเนีย” (3) “บริทาเนีย” และ (4) “ไบรตัน”

•ผลการดำเนินงานในช่วงปี 61-63 บริษัทมีรายได้รวมที่ 515 1561 และ 2,342 ลบ. ตามลำดับ คิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ย (CAGR) ที่113% ต่อปี สาเหตุหลักจากแนวโน้มความต้องการที่อยู่อาศัยประเภทบ้านจัดสรรเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากการขยายตัวของเมืองตามการขยายตัวของระบบสาธารณูปโภค เช่น ถนน ทางด่วน รถไฟฟ้า ส่งผลให้บริษัทมีกำไรสุทธิในปี 61-63 เท่ากับ 72 207 และ 349 ลบ. ตามลำดับ คิดเป็น %NPM ที่ 13.9% 13.3% และ 14.9% ตามลำดับ ส่วนช่วง 9M64 มีรายได้รวม 2,809 ลบ. +52%YoY และกำไรสุทธิที่ 452 ลบ. +56%YoY คิดเป็น %NPM ที่ 16.1%

•เสนอขายหุ้นจำนวน 252.65 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 29.6 ของหุ้นทั้งหมด มูลค่าการเสนอขายที่ 2,652.8 ลบ. ที่ราคา Par 0.5 บาท โดยมีวัตถุประสงค์การใช้เงิน ดังนี้ 1. เป็นเงินทุนสำหรับการพัฒนาโครงการ และขยายธุรกิจ 550 ลบ. 2. เพื่อชำระเงินกู้ยืม 2,000 ลบ. 3. เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ 213 ลบ.
•P/E เสนอขายที่ 17.52 เท่า เทียบกับ AP 5.49x, LALIN 6.20x, LH 12.30x, ORI 8.71x, PSH 11.85x, QH 11.69x, SC 6.91x, SIRI 7.81x, SPALI 7.49x

 

หุ้นมีข่าว

(+) OCEAN (Bloomberg Consensus - บาท) จ่อรับรู้รายได้ธุรกิจกัญชงไตรมาสแรกปี 65 คาดคว้าใบอนุญาตเร็วๆ นี้ ฟากบิ๊กบอส "ธีร ชุติวราภรณ์" ตั้งเป้ารับทรัพย์กัญชง ไม่ต่ำกว่า 400 ล้านบาท ส่วนรายได้รวมหวังโกย 1 พันล้านบาท แย้มสนธุรกิจฟินเทคกลุ่มไฟแนนซ์ เตรียมเปลี่ยนชื่อเป็น "ALPHAX" ลุยสยายปีกธุรกิจเสริมแกร่ง (ที่มา ทันหุ้น)

(+) ITD (Bloomberg Consensus 1.40 บาท) ITD เผยเซ็นสัญญาก่อสร้างท่าเรือมาบตาพุด เฟส 3 กับ บริษัท กัลฟ์ เอ็มทีพี แอลเอ็นจี เทอร์มินอล จ่ากัด เติมพอร์ตงานในมือกว่า 1.05 หมื่นล้านบาท หลังล่าสุดเพิ่งเสนอราคาต่ำสุดโครงการรถไฟทางคู่สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ สัญญาที่ 1 มูลค่า 2.65 หมื่นล้านบาท (ที่มา ทันหุ้น)

(+) BIZ (ราคาเหมาะสม 9.00 บาท) คว้างานใหม่โครงการสัญญาซื้อขายครุภัณฑ์ทางการแพทย์ จากโรงพยาบาลภาครัฐ 2 แห่ง มูลค่า 499 ล้านบาท หนุนแบ็กล็อกพุ่งกว่า 1,100 ล้านบาท ด้านผลงานปีนี้มั่นใจนิวไฮ ส่วนปี 65 เดินหน้าประมูลงานใหม่ ทั้งในโครงการภาครัฐและเอกชน พร้อมรับรู้รายได้ธุรกิจโรงพยาบาลเฉพาะทางมะเร็ง แคนเซอร์อลิอันซ์ (ที่มา ข่าวหุ้น)

(+) BYD (Bloomberg Consensus - บาท) เดินหน้าพลิกฟื้นธุรกิจหวังปีหน้าเทิร์นอะราวด์ เดินหน้าล้างขาดทุนสะสม อนาคตกลับมาจ่ายปันผลได้ ใส่เกียร์ลุยธุรกิจหลักทรัพย์และธุรกิจรถบัสไฟฟ้า เน้นขยายฐานลูกค้าทั้งรายย่อยและรายใหญ่ หวังเพิ่มวอลุ่มเทรดให้มากขึ้น ด้านธุรกิจรถบัสไฟฟ้าเตรียมประมูลเส้นทางเดินรถผ่านบริษัทไทยสมายล์บัส กว่า 77 เส้นทาง เผยต้องลงทุนรถขั้นต่ำกว่า 800 คัน (ที่มา ทันหุ้น)