บรรยากาศเก็งกำไรรายตัวยังบวก ติดตามประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ

บรรยากาศเก็งกำไรรายตัวยังบวก ติดตามประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ

ติดตามการประชุมเฟดหลังเงินเฟ้อสหรัฐฯ ยังอยู่ในระดับสูง สหรัฐฯ รายงานดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เพิ่มขึ้น 0.8% MoM และ 6.8% YoY ใกล้เคียงตลาดคาด (ที่ 0.7% MoM และ 6.8% YoY)

อย่างไรก็ตาม เงินเฟ้อดังกล่าวถือว่าสูงสุดนับจาก มิ.ย.25 เป็นต้นมา ทำให้ตลาดจับตาการส่งสัญญาณดำเนินนโยบายการเงินที่ตึงตัวจากการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินสหรัฐฯ (FOMC) ในวันที่ 14-15 ธ.ค. ซึ่งอาจเป็นปัจจัยที่ทำให้ตลาดผันผวน อย่างไรก็ตามหากประธานเฟด เจอโรม พาวเวลประสบความสำเร็จในการชี้ให้ตลาดเห็นถึงการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สามารถหักล้างความเสี่ยงของเงินเฟ้อได้ ตลาดอาจปรับฐานบ้าง แต่ไม่น่าจะมีความเสี่ยงทางลงที่ลึกไปกว่ารอบที่ผ่านมา

ร่างสัญญาเช่าซื้อกดดันกลุ่มการเงินน้อยลง สคบ.อยู่ระหว่างรับฟังความเห็นรอบที่ 2 ระหว่าง 3-17 ธ.ค. ซึ่งร่างฉบับใหม่มีแนวโน้มผ่อนคลายมากขึ้นจากเดิม 1) ควบคุมเฉพาะรถยนต์และจักร์ยานยนต์ที่ใช้ส่วนตัว 2) การคิดดอกเบี้ยรถใหม่ 15% รถมือสอง 20% (จากเดิม 15% ทั้งหมด) 3) โครงการคืนรถจบหนี้ จะทำได้เมื่อผ่อนไปแล้ว 1/3 (ร่างเดิมไม่กำหนด) 4) การชำระปิดสัญญา จะได้ส่วนลดดอกเบี้ย 60-80% (จากเดิม 80%) โดยรวมร่างใหม่มีความยืดหยุ่นและผ่อนคลายกว่าเดิม ทำให้แรงกดดันต่อหุ้นกลุ่มการเงินลดลง อย่างไรก็ตามอัตราดอกเบี้ยของการปล่อยกู้สินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ปัจจุบันสูงถึง 35-40% ทำให้กลุ่มผู้ปล่อยสินเชื่อจักรยานยนต์ อาทิ TK, S11, NCAP จะได้รับผลกระทบในการปล่อยกู้มากกว่า ขณะที่กลุ่มจำจำทะเบียนรถ อย่าง MTC, SAWAD, TIDLOR มีการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อจักรยานยนต์ราว 5-15% ของสินเชื่อรวม จะได้รับผลกระทบน้อยกว่า
 

ธีมการลงทุนระยะสั้น 1) วัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้น บวกกับกลุ่มธนาคารและประกัน อาทิ BBL, KBANK, SCB, TIPH 2) หุ้นบริโภคในประเทศ CPN, CRC, CPALL, MAKRO 3) ความขัดแย้งสหรัฐฯ-จีน หนุนการย้ายฐานผลิตมาไทย บวกกับ AMATA, WHA, ROJNA, CCET, SMT 4) กลุ่มการเงินหรือ IPO ที่ยังขึ้นน้อย IFS, PIN, ONEE, CV, UBE, DMT, ASW 5) ทยอยสะสม สื่อสาร สาธารณูปโภค ADVANC, DTAC, FTREIT, WHART, GULF, GPSC, EGCO, RATCH, EASTW, WHAUP, TTW 6) หุ้นที่มีแรงซื้อหนาแน่นวานนี้ (7 ธ.ค.) KBANK, CPALL, KTB, SCB, AOT, MINT, KCE, HMPRO, CPN, BBL 7) กลุ่มได้ประโยชน์จากโควิด BCH, CHG, STA, STGT, SMD, WINMED ระวังแรงทำกำไร หลังข้อมูลบ่งชี้โอไมครอนอาจไม่รุนแรงมาก

ภาพรวมกลยุทธ์: แกว่งตัว 1,608-1,625 โดยหวังยกกรอบการเล่นกลับไปโซน 1,620-1,650 จุด อย่างไรก็ตามตลาดอาจผันผวนเป็นระยะจากความกังวลการดำเนินนโยบายการเงินของเฟดกลางสัปดาห์ ปัจจัยในประเทศ ร่างเช่าซื้อที่ผ่อนคลายมากขึ้นบวกทางจิตวิทยากับกลุ่มไฟแนนซ์ //หุ้นแนะนำ: SAWAD*, OR*, TKN*, RAM*
แนวรับ: 1,608 / แนวต้าน : 1,625 จุด สัดส่วน : เงินสด 50% : พอร์ตหุ้น 50%
 

ประเด็นการลงทุน
 

ดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภคฟื้นสถิติสูงสุดในรอบ 7 เดือน – ม.หอการค้า เผย ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน พ.ย.ปรับขึ้นต่อเนื่อง สูงสุดในรอบ 7 เดือน

สมาคมแบงก์ยันสำรองคริปโตฯเต็ม - สมาคมธนาคารไทยโต้กลับแบงก์ชาติประเด็นการตั้งสำรองหนี้หากเข้าไปเกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัล ยันทุกความเสี่ยง ทางแบงก์ต่างตั้งสำรองฯรองรับและให้สอดคล้องกับเงินกองทุนตาม Basel III เผยพัฒนาการของกฎหมายยังล้าหลัง

จ่อออกพันธบัตรสร้างทางด่วนฉลองรัช-นครนายก-สระบุรี - กทพ.เล็งออกพันธบัตรระดมเงิน 1.7 หมื่นล้านบาท ก่อสร้างทางด่วนส่วนต่อขยายฉลองรัช-สระบุรี คาดชงครม.เคาะโครงการ พ.ค.ปีหน้า

AJA – เพิ่มทุน 20:1 ที่ราคา 0.20 บาท ขึ้น XR 13 ม.ค. และจองซื้อและชำระค่าหุ้น 21-25 ก.พ.65 ขณะที่เตรียมจัดสรร AJA-W4 ให้กับผู้ถือหุ้นสามัญเดิม อัตรา 1:2 ใบสำคัญแสดงสิทธิ์มีอัตราใช้สิทธิ์ 1:1 และราคาใช้สิทธิ์ที่ 0.40 บาท 

นายกอังกฤษเตือนรับมือโควิด – นักวิทยาศาสตร์อังกฤษเตือนภัยโควิดสู่ระดับ 4 (จาก 5 ระดับ) บอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษเตือนว่า อังกฤษกำลังเผชิญกับคลื่นยักษ์ของไวรัสโควิดสายพันธ์โอไมครอน และวัคซีน 2 โดสไม่เพียงพอที่จะควบคุมไวรัสดังกล่าวและรัฐบาลกำลังเร่งการฉีดบูสเตอร์โดส

 

ประเด็นติดตาม: - 14-15 ธ.ค. – FOMC meeting/ 16-17 ธ.ค. – ตลท.ประกาศปรับหุ้นในSET50/SET100 / 17 ธ.ค. – FTSE Rebalancing Effective date

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)