บรรยากาศเก็งกำไรรายตัวยังบวก แม้อาจผันผวนบ้างก่อนหยุดยาว

บรรยากาศเก็งกำไรรายตัวยังบวก แม้อาจผันผวนบ้างก่อนหยุดยาว

บรรยากาศเก็งกำไรยังบวกหลังคลายกังวล"โอมิครอน" ขณะรอติดตามเงินเฟ้อสหรัฐฯและประชุมเฟด แม้มีแรงขายทำกำไรสลับ แต่ภาพรวมการลงทุนทั่วโลกยังดูผ่อนคลาย จากข้อมูลอาการจากโอมิครอนไม่รุนแรง

ขณะที่ Pfizer ออกมายืนยันประสิทธิภาพของวัคซีน หากใช้ 3 โดส มีความสามารถในการสร้างภูมิคุ้มกันสายพันธ์โอไมครอนได้ ซึ่งทำให้บรรยากาศเก็งกำไรโดยรวมยังเป็นบวก ระหว่างตลาดรอติดตามข้อมูลสำคัญ 2 อย่าง 1) การรายงานเงินเฟ้อสหรัฐฯ (10 ธ.ค.) เดือนพ.ย. ที่คาดว่าจะเร่งตัวเป็น 6.8% (จาก 6.2% ) 2) การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินสหรัฐฯ (FOMC) ซึ่งตลาดคาดโทนของการประชุมจะเห็นการส่งสัญญาณเร่งลดการผ่อนคลายที่เร็วขึ้น แต่ความกังวลของตลาดคาดจะขึ้นกับตัวเลขเงินเฟ้อ

ปรับลดน้ำหนักลงทุนกลุ่มไฟฟ้าเป็น “น้อยกว่าตลาด” ถึงแม้ทิศทางความต้องการพลังงานในปี 2565 จะยังแข็งแกร่ง แจ่เรามองกลุ่มไฟฟ้าจะเผชิญแรงกดดันในระยะใกล้ดังนี้ 1) ราคาต้นทุนก๊าซธรรมชาติปรับสูงขึ้นจาก 336 บาท/ล้านบีทียู ในไตรมาส 4/64 เป็น 376 บาท/ล้านบีทียู ในไตรมาส 1/65 ขณะที่การปรับเพิ่มค่า Ft คาดว่าจะเพิ่มเพียง 4% เทียบกับราคาก๊าซที่คาดว่าจะเพิ่ม 12% ซี่งจะเป็นลบกับผู้ผลิตไฟฟ้าขนาดเล็ก (SPP) โดยเฉพาะ BGRIM และ GPSC 2) ปริมาณการผลิตก๊าซของแหล่งเอราวัณที่ลดลง ทำให้มีแนวโน้มต้องใช้การนำเข้า LNG ซึ่งจะมีต้นทุนที่สูงขึ้นอีกราว 30% 3) ปัจจัยด้านฤดูกาลของผลประกอบการไตรมาส 4/64 ที่อากาศเย็นและมีการใช้ไฟฟ้าน้อย จากปัจจัยข้างต้นเราจึงปรับน้ำหนักการลงทุนของกลุ่มลงเป็น “น้อยกว่าตลาด” โดยรวมจะมีเพียง GULF ที่กำไรแข็งแกร่งจาก 1) การรับรู้รายได้จาก INTUCH 2) การเริ่มจ่ายไฟ 1300MW ของ GSRC และ 3) การเข้าซื้อกิจการใหม่ๆ ทั้งนี้ภาพรวมของกลุ่มอาจกลับมาดูดีขึ้นอีกครั้งในช่วงครึ่งปีหลัง 2565 จากแผน PDP ฉบับใหม่
 

ธีมการลงทุนระยะสั้น 1) วัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้น บวกกับกลุ่มธนาคารและประกัน อาทิ BBL, KBANK, SCB, TIPH 2) หุ้นบริโภคในประเทศ CPN, CRC, CPALL, MAKRO 3) ความขัดแย้งสหรัฐฯ-จีน หนุนการย้ายฐานผลิตมาไทย บวกกับ AMATA, WHA, ROJNA, CCET, SMT 4) กลุ่มการเงินหรือ IPO ที่ยังขึ้นน้อย IFS, PIN, ONEE, CV, UBE, DMT, ASW 5) ทยอยสะสม สื่อสาร สาธารณูปโภค ADVANC, DTAC, FTREIT, WHART, GULF, GPSC, EGCO, RATCH, EASTW, WHAUP, TTW 6) หุ้นที่มีแรงซื้อหนาแน่นวานนี้ (7 ธ.ค.) KBANK, CPALL, KTB, SCB, AOT, MINT, KCE, HMPRO, CPN, BBL 7) กลุ่มได้ประโยชน์จากโควิด BCH, CHG, STA, STGT, SMD, WINMED ระวังแรงทำกำไร หลังข้อมูลบ่งชี้โอไมครอนอาจไม่รุนแรงมาก

ภาพรวมกลยุทธ์: แกว่งตัว 1,608-1,625 โดยหวังยกกรอบการเล่นกลับไปโซน 1,620-1,650 จุด อย่างไรก็ตามตลาดอาจผันผวนเป็นระยะจากความกังวลการดำเนินนโยบายการเงินของเฟดสัปดาห์หน้า ปัจจัยในประเทศ กกร.เสนอในการรับฟังความเห็นว่าดอกเบี้ยเช่าซื้อจักรยานยนต์ของสคบ.ต่ำไป เป็นบวกกับกลุ่มไฟแนนซ์ //หุ้นแนะนำ: SAWAD*, OR*, TKN*, RAM*

แนวรับ: 1,590-1,600 / แนวต้าน : 1,620-1,630 จุด สัดส่วน : เงินสด 50% : พอร์ตหุ้น 50%
 

 

 

ประเด็นการลงทุน

อังกฤษเตรียมยกระดับคุมโควิด – มีรายงานรัฐบบาลอังกฤษอาจยกระดับมาตการคุมโควิดหลังจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

กกร.เสนอ สคบ.เพิ่มดอกเบี้ยเช่าซื้อรถจักรยานยนต์เป็น 36%. รถยนต์ 24% ในการทำเฮียริ่งนอบสอง วันที่ 16 ธ.ค. นี้ เผยดอกเบี้ยฯที่ทาง สคบ.เสนอมาต่ำไป

JMART. รับเงินเพิ่มทุนจากกลุ่มบีทีเอสแล้ว 1.03 หมื่นล้านบาท พร้อมนำไปซื้อหุ้นเพิ่มทุน (RO) JMT กว่า 5,400 ล้านบาท และ SINGER อีก 1,300 ล้านบาท กลางเดือน ธ.ค. นี้ ที่เหลือใช้ทำธุกรรม M&A และเป็นสภาพคล่อง มั่นใจปีนี้โต 50% และ 50% ต่อปี ในอีกสามปีข้างหน้า

BGRIM. ประกาศทุ่มงบปี 65 กว่า 1 แสนล้านบาท ซื้อกิจการลงทุนโรงไฟฟ้าทั้งในและต่างประเทศ ตั้งเป้าเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าไม่ต่ำกว่า 1,000 เมกะวัตต์ พร้อมเดินหน้าขยายพอร์ตพลังงานทดแทน

กกร.เสนอรัฐออกช้อปดีมีคืนและคนละครึ่งเฟส 4 – เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้แก่ประชาชน ขณะที่ สอท. เสนอต่อมาตรการลดค่าน้ำ-ไฟอีก 3 เดือน

 

ประเด็นติดตาม: - 14-15 ธ.ค. – FOMC meeting/ 16-17 ธ.ค. – ตลท.ประกาศปรับหุ้นในSET50/SET100 / 17 ธ.ค. – FTSE Rebalancing Effective date

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ได้อยู่