กลยุทธ์การลงทุนรายสัปดาห์ 7-9 ธันวาคม: ผันผวนตามประเด็นข่าว Omicron

กลยุทธ์การลงทุนรายสัปดาห์ 7-9 ธันวาคม: ผันผวนตามประเด็นข่าว Omicron

"Omicron" และท่าที hawkish ของ Fed จะทำให้ตลาดผันผวนสูง แต่ราคาหุ้นมี downside จำกัดในสัปดาห์ที่แล้ว (29 พฤศจิกายน – 3 ธันวาคม) ดัชนี SET ยังคงอยู่ในโหมดของการ correction ตามที่เราคาดเอาไว้

เนื่องจากสินทรัพย์เสี่ยงในเอเชียถูกกระทบจากปัจจัยภายนอกสองประการ หนึ่งคือ WHO ยืนยันว่า COVID-19 สายพันธุ์ Omicron ทำให้เกิดความกังวลรอบใหม่เกี่ยวกับจังหวะการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และประเทศไทยอาจจะต้องผิดหวังกับการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวในปี 2565 สองคือ Fed ยังมีท่าทีค่อนข้าง hawkish แม้ว่าจะมีความเสี่ยงใหม่จากประเด็น Omicron โดยส่งสัญญาณว่าอาจจะเร่งลดขนาด QE ลง และขึ้นดอกเบี้ยจากการที่เงินเฟ้อทรงตัวอยู่ในระดับสูง สองปัจจัยนี้หนุนให้ค่าเงินดอลลาร์ฯ แข็งค่าขึ้น และกดดันกระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาคในช่วงนี้

สำหรับในสัปดาห์นี้ (7-9 ธันวาคม) ซึ่งตลาดหุ้นไทยเปิดทำการซื้อขายเพียงสามวัน เราคาดว่าดัชนีSET จะแกว่งตัวอยู่ในกรอบ โดยอาจจะผันผวนได้ค่อนข้างสูง เราคิดว่าสถานการณ์ Omicron ยังไม่นิ่งโดยเฉพาะในมุมมองระดับโลก ในขณะที่ประเทศไทยรายงานว่าพบผู้ติดเชื้อรายแรกแล้วเมื่อวันที่ 6 ธันวาคม ในขณะเดียวกัน IMF เพิ่งประกาศออกมาว่าเชื้อสายพันธุ์ใหม่นี้ทำให้อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกมีความเสี่ยงด้าน downside นอกจากนี้ ในช่วงกลางเดือนธันวาคม ทั้ง Fed และ ECB มีกำหนดการประชุมนัดสำคัญ ซึ่ง traders ส่วนใหญ่ยังคงรอดูผลการประชุมทั้งสองอยู่ด้านข้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของ Fed ว่าจะเร่งลดขนาด QE ลงตามคาดหรือไม่  ดังนั้น เราจึงคาดว่ากระแสเงินทุนจากต่างชาติที่ไหลเข้ามาในตลาดหุ้นเอเชีย และตลาดหุ้นไทยน่าจะยังคงอ่อนแอต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม เรายังคงแนะนำให้นักลงทุนซื้อสะสมเมื่อตลาดย่อลงมา เพราะเราเชื่อว่าสายพันธุ์ Omicron จะไม่เป็นภัยคุกคามต่อระบบการรักษาพยาบาลของไทยอย่างรุนแรง

ทั้งนี้ ตามที่เราได้ระบุเอาไว้ในบทวิเคราะห์พอร์ตหุ้นเดือนธันวาคม ว่าจากการวิเคราะห์ earnings yield gap (EYG) เราพบว่า downside ของดัชนี SET ในกรณีฐานอยู่ที่ 1,566 จุด อิงจากระดับค่าเฉลี่ย EYG 5 ปีย้อนหลังที่ 4.3% เรามองว่าในกรณีเลวร้ายที่สุดซึ่งสายพันธุ์ Omicron ทำให้ประเทศไทยต้องกลับไปใช้มาตรการเว้นระยะทางสังคมอีกครั้ง downside ของ SET จะอยู่ที่ 1,516 จุด อิงจาก EYG ที่ 4.5%

 

ติดตามตัวเลข CPI สหรัฐ, การตีความของตลาดเกี่ยวกับ Fed และสถานการณ์ Omicron ในประเทศ
 

(0) ตัวเลข CPI สหรัฐ และผลการประชุม FOMC ในวันที่ 10 ธันวาคม จะมีการเปิดเผยตัวเลข CPI เดือนพฤศจิกายนของสหรัฐ โดย Consensus คาดว่า headline CPI และ core CPI จะเพิ่มขึ้น 6.7% และ 4.9% ตามลำดับ ซึ่งจะทำสถิติสูงสุดใหม่สำหรับวัฏจักรเงินเฟ้อรอบนี้ของสหรัฐ สำหรับผลการประชุม FOMC ในวันที่ 15 ธันวาคม ตลาดคาดว่า Fed จะเร่งลดขนาด QE เร็วขึ้นจากกำหนดเดิมที่ 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ฯ ต่อเดือน และน่าจะมีการปรับประมาณการณ์ dot-plot ใหม่

(0/-) กระแสข่าวเกี่ยวกับสายพันธุ์ Omicron ในประเทศไทย ประเทศไทยรายงานพบผู้ติดเชื้อ Omicronในประเทศรายแรกเมื่อวันที่ 6 ธันวาคม และมีแนวโน้มจะพบผู้ติดเชื้อเพิ่มอีก ถึงแม้ว่าหลายฝ่ายจะมองว่าเชื้อสายพันธุ์ใหม่นี้มีอาการไม่รุนแรง แต่สามารถแพร่เชื้อได้เร็ว และยังมีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับประสิทธิภาพของวัคซีนป้องกัน COVID-19 ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ซึ่งเป็นประเด็นที่ตลาดกังวลขณะนี้

 

 

 

 

ยังคงเน้นใช้กลยุทธ์ barbell เนื่องจากยังมีความเสี่ยงในระยะสั้นอยู่

เนื่องจากเรามองว่าตลาดอาจจะพักฐาน ในขณะที่นักลงทุนยังรอดูสถานการณ์ก่อนการประชุม FOMC และ ECB รวมถึงประเด็น Omicron เราจึงแนะนำให้นักลงทุนเน้นหุ้น defensive และหุ้น big caps ที่มี beta สูง ซึ่งได้แก่ ADVANC*, LH* และหุ้นธนาคารใหญ่ที่ถูกเทขายออกมาอย่างหนักอย่างเช่น KBANK*, BBL* ในขณะเดียวกัน เรายังคงแนะนำให้หลีกเลี่ยงหุ้นกลุ่มพลังงาน เนื่องจากเรามองว่าราคาน้ำมันดิบมี upside จำกัดในระยะต่อไป สำหรับหุ้นกลุ่ม mid-cap เราชอบหุ้นผู้บริโภคที่จะได้อานิสงส์จากมาตรการกระตุ้นการบริโภคที่จะออกมาในช่วงต้นปี 2565 อย่างเช่น HMPRO* และ COM7*