สหรัฐพบผู้ติดเชื้อโอมิครอนรายแรก (2 ธ.ค. 64)

สหรัฐพบผู้ติดเชื้อโอมิครอนรายแรก (2 ธ.ค. 64)

วันพุธที่ผ่านมา ดัชนีค่อยๆปรับตัวขึ้นบวกถึง 22 จุด ณ ตอนปิดตลาด เป็นภาพของการรีบาวนด์ หลังจากที่ดัชนีปรับตัวลงแรง 3 วันติดมีแรงซื้อกลับในหุ้น Big cap. ทั้งกลุ่มพลังงาน กลุ่มธนาคาร และกลุ่ม ICT

อย่าง PTT, PTTEP, KBANK, ADVANC, SCC ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,590.81 จุด +22.12 จุด +1.41% มูลค่าการซื้อขาย 93,864 ลบ. ต่างชาติ -1,730.92 ลบ. TFEX +15,157 สัญญา ตราสารหนี้ +8,005.57 ลบ.


ปัจจัยบวก    

+ FED เตรียมพร้อมปรับนโยบายเพื่อเพิ่มการจ้างงานในสหรัฐ และสร้างความมั่นใจว่าเงินเฟ้อจะไม่ดีดตัวสูงขึ้นเป็นเวลานาน
+ ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 61.1 ในเดือนพ.ย. และสูงกว่าคาดการณ์ที่ระดับ 61.0 จากระดับ 60.8 ในเดือนต.ค.
+ ADP เผยการจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเพิ่มขึ้น 534,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ย. สูงกว่าที่คาดการณ์ที่ระดับ 506,000 ตำแหน่ง แต่ต่ำกว่าระดับ 570,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค.
+ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายของยูโรโซน ปรับตัวเล็กน้อยขึ้นสู่ระดับ 58.4 ในเดือนพ.ย. จาก 58.3 ในเดือนต.ค. ปรับขึ้นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.
+/- ศบค.รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศวันนี้ พบผู้ติดเชื้อรายใหม่รวม 4,971 ราย ATK 1,788 ราย มีผู้เสียชีวิต 33 ราย รักษาหาย 5,402 ราย

 

ปัจจัยลบ 

- ดัชนีดาวโจนส์ปิดลดลง 461.68 จุด -1.34% นลท.ตื่นข่าวพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนรายแรกในสหรัฐ โดยหุ้นกลุ่มสายการบินและกลุ่มโรมแรมร่วงลงทันที
- ราคาน้ำมันดิบ ลดลง 61 เซนต์ -0.9% ปิดที่ 65.57 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังมีรายงานว่าสหรัฐพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนรายแรกในประเทศ สร้างกังวลผลกระทบที่มีต่อเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน
- ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของสหรัฐ ปรับตัวลงสู่ระดับ 58.3 ในเดือนพ.ย. ต่ำสุดนับตั้งแต่ ธ.ค.2563 จากระดับ 58.4 ในเดือนต.ค.
 

 

- WHO เตือนว่ามาตรการระงับการเดินทางแบบเหวี่ยงแห (Blanket Travel Bans) ไม่สามารถป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนได้ คาดว่าสายพันธุ์โอมิครอนได้แพร่ระบาดไปใน 23 ประเทศทั่วโลกแล้วและจะมีจำนวนเพิ่มขึ้น
- ญี่ปุ่นสั่งห้ามชาวต่างชาติทั้งหมดไม่ให้เดินทางกลับเข้าประเทศ หากเพิ่งเดินทางไปยัง 10 ประเทศในทวีปแอฟริกาซึ่งมีแนวโน้มว่าเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนกาลังแพร่ระบาดในวงกว้าง
- อังกฤษตรวจพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนแล้วจำนวน 22 รายในสหราชอาณาจักร (UK) และมีแนวโน้มที่เพิ่มสูงขึ้น

 

แนวโน้มตลาดวันนี้

คาดดัชนีในวันนี้ยังแกว่งตัวผันผวนระหว่างวัน โดยมีแรงกดดันจากข่าวการพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนรายแรกในสหรัฐ ขณะที่สถานการณ์ในประเทศศบค.เร่งตามตัว 252 คน ที่เป็นกลุ่มเสี่ยงสูงที่บินมาจาก 8 ประเทศแอฟริกา ให้รีบมาตรวจเชื้อ ‘โอมิครอน’ ด้วยอาร์ที-พีซี มองกรอบดัชนีในวันนี้ที่ 1,557-1,600 จุด

 

กลยุทธ์การลงทุน

• หุ้นที่ได้ประโยชน์จากสถานการณ์โควิด-19 STGT STA BCH EKH SMD WINMED TM PHOL
• หุ้นที่มีโอกาสเข้าคำนวณ SET50 : หุ้นเข้า BANPU KEX TIDLOR หุ้นออก BJC DELTA STA , SET100 : หุ้นเข้า BLA BPP EPG RCL SIRI STARK TTA หุ้นออก AAV ICHI JAS NRF PRM PSL TKN

 

หุ้นรายงานพิเศษ  

                               TRV <MAI> - ราคา IPO 2.30 บาท
                           (ราคาเหมาะสม consensus 3.0-3.5 บาท)

•ประกอบธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายชิ้นส่วนยางขึ้นรูป สามารถจำแนกออกได้เป็น 3 กลุ่มผลิตภัณฑ์ ได้แก่ ชิ้นส่วนยางขึ้นรูปในยานยนต์ ชิ้นส่วนยางขึ้นรูปในเครื่องใช้ไฟฟ้าและชิ้นส่วนยางขึ้นรูปอื่นๆ บริษัทฯ มีกลุ่มลูกค้า 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ กลุ่มผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ กลุ่มผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า กลุ่มลูกค้าในอุตสาหกรรมอื่นๆ

•โครงสร้างรายได้ ในช่วง 9M64 แบ่งเป็น 1.ชิ้นส่วนยางขึ้นรูปในยานยนต์ 52.5% 2.ชิ้นส่วนยางขึ้นรูปในเครื่องใช้ไฟฟ้า 46.5% 3.ชิ้นส่วนยางขึ้นรูปอื่นๆ 1.0% โดยในปี 61-63 บริษัทมีรายได้รวม เท่ากับ 146.4 ลบ. 168.6 ลบ. และ 159.6 ลบ. ตามลำดับ ปี63 รายได้ -5.3%YoY สาเหตุหลัก จากรายได้ในส่วนของชิ้นส่วนยางขึ้นรูปในยานยนต์ที่ลดลงจากผลกระทบของโควิด-19 ส่งผลให้มีกำไรสุทธิในปี 61-63 ที่ 23.6 ลบ. 25.3 ลบ. และ 21.2 ลบ. ตามลำดับ คิดเป็น%NPM ที่ระดับ 16.16%, 15.04% และ 13.30% ตามลำดับ ในช่วง 9M64 มีรายได้รวมที่ 134.2 ลบ. +17.3%YoY จากฐานที่ต่ำในปี 63 และมีกำไรสุทธิที่ 22.0 ลบ. +3.1%YoY

•เสนอขายหุ้นจำนวนไม่เกิน 54.565 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 25.98% ของหุ้นทั้งหมด คิดเป็นมูลค่าการเสนอขาย 125.5 ลบ. ที่ราคา Par 0.5 บาท โดยมีวัตถุประสงค์การใช้เงิน ดังนี้ 1.เงินทุนในการซื้อเครื่องจักร 85 ลบ. 2.ชำระคืนเงินกู้ยืมแก่สถาบันการเงิน 10 ลบ. 3.เป็นเงินทุนหมุนเวียน 22.8 ลบ.

•P/E เสนอขายที่ 17.69 เท่า เมื่อเทียบกับธุรกิจที่คล้ายกัน ได้แก่ IRC ที่ 11 เท่า CPR 22.3 เท่า

 

หุ้นมีข่าว

(+) NETBAY (Bloomberg Consensus 28.00 บาท) พัฒนาเทคโนโลยีล้ำสมัย "สมาร์ทฟาร์ม-เฮลธ์เทค" พบดีมานด์ใช้ปลูกกัญชง กัญชาพรึ่บ พร้อมขายไม่เกินไตรมาส 2 ปีหน้า ฟากบอสใหญ่ "พิชิต วิวัฒน์รุจิราพงศ์" ลั่นการแพทย์ทรานฟอร์มการรักษา เชื่อเฮลธ์เทค มีความต้องการสูง ปักเป้า 5 ปี โกยรายได้พันล้านบาท (ที่มา ทันหุ้น)

(+) SMD (Bloomberg Consensus 19.50 บาท) SMD รับออเดอร์จาก CPALL วางจำหน่ายชุดตรวจโควิด-19 แบบเร่งด่วน ATK ในร้านสะดวกซื้อเซเว่น-อีเลฟเว่น รุกขยายฐานผู้บริโภครายย่อย ทยอยรับคำสั่งซื้อเพิ่มกว่า 7 ล้านบาท ดันผลการดำเนินงานในปี 2564 แตะ 1.55 พันล้านบาทตามเป้า (ที่มา ทันหุ้น)

(+) JKN (Bloomberg Consensus 9.00 บาท) “JKN Best Life” บริษัทในเครือ JKN รุกตลาดกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ใช้สารสกัดจากกัญชง เปิดตัวนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ใหม่ แบรนด์ Anne Skin “ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวผสานน้ำมันกัญชง” ประเดิม 4 รายการ เพื่อความงามของผิวพรรณแบบครบเซ็ต เริ่มวางจำหน่ายผ่าน Facebook, Line และ Call Center ที่ JKN Hi Shoppping มั่นใจลูกค้าตอบรับดี (ที่มา ข่าวหุ้น)

(+) ACE (Bloomberg Consensus 4.57 บาท) แย้มผลงานไตรมาส 4/64 เติบโตตามกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น หลัง COD โรงไฟฟ้าชีวมวลคลองขลุง จ.กำแพงเพชร กาลังการผลิต 9.9 เมกะวัตต์ ขณะที่ปี 65 มั่นใจมีโครงการใหม่ทยอย COD เพิ่ม เตรียมพร้อมเข้าร่วมประมูลโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเฟส 2 และโรงไฟฟ้าขยะชุมชนภายในต้นปีหน้า (ที่มา ข่าวหุ้น)