‘ธนชาตประกันภัย’ ทุนปึ้ก เปิดแผนปี65 ดันเบี้ยแตะหมื่นล้าน

‘ธนชาตประกันภัย’ ทุนปึ้ก เปิดแผนปี65 ดันเบี้ยแตะหมื่นล้าน

ธนชาตประกันภัย โตฝ่ากระแสการแพร่ระบาดโควิด-19 และพร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์ ด้วยฐานทุนแข็งแกร่ง สูงถึง 1,386% เป็นอันดับ 1 ในอุตสาหกรรมประกันวินาศภัยไทย ประกาศเดินหน้ากลยุทธิ์ปี 65 ดันเบี้ยโตแตะหมื่นล้าน

ตลอดช่วง2 ปีมานี้ บริษัท ธนชาตประกันภัย จำกัด (มหาชน) โตฝ่ากระแสการแพร่ระบาดโควิด-19 และพร้อมรับมือทุกสถานการณ์ ด้วยความแข็งแกร่งทางการเงินสูงเป็นอันดับ1ในอุตสาหกรรมประกันวินาศภัยไทย

ปัจจุบันบริษัทมีเงินทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้วจำนวน 4,930 ล้านบาท มีอัตราส่วนความเพียงพอของเงินกองทุน (Capital Adequacy Ratio) ณ สิ้นเดือน พ.ย. 2564 สูงถึง 1,386% ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานของ คปภ. และมีอัตราการทำกำไร ROE ระดับสูง 15%

 ล่าสุด บริษัทได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ ในระดับ AA-(stable) ในฐานะบริษัทที่มีฐานะทางการเงินที่มั่นคง มีสภาพคล่องทางการเงินที่ดี จากทริสเรทติ้ง

 “พีระพัฒน์ เมฆสิงห์วี” กรรมการผู้จัดการ บริษัท ธนชาตประกันภัย จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงความสำเร็จดังกล่าวว่า มาจากบริษัทมีจุดแข็งเรื่องการบริหารความเสี่ยงที่ดี โดยช่วงเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 เราประเมินความเสี่ยงโดยคณะกรรมการกำกับความเสี่ยงที่สะท้อนมุมมองความเสี่ยงด้านต่างๆ เป็นประโยชน์ในการประเมินอย่างตรงจุด ทำให้ตัดสินใจชะลอการออกผลิตภัณฑ์เกี่ยวข้องกับประกันโควิด-19และประกันสุขภาพ พร้อมเดินหน้าขายผลิตภัณฑ์ที่ถนัดและประเมินแล้วว่ามีขีดความสามารถในการบริหารจัดการได้ดี  ทำให้เราสามารถรับมือกับผลกระทบด้านอื่นๆ จากโควิด-19ได้​

สำหรับเป้าหมายการขยายธุรกิจในปี 2565 บริษัทพร้อมเดินหน้าภายใต้ 5 กลยุทธ์ ดังนี้

1. กลยุทธ์เพิ่มช่องทางธุรกิจ โดยเฉพาะช่องทางโบรกเกอร์ประกัน วางเป้าหมายสร้างเบี้ยประกัน 3,500 ล้านบาท และมีการพัฒนาระบบขายผ่านเทเลเซลล์(Telephony system)สร้างเบี้ยประกัน 300 ล้านบาท ขณะที่ช่องทางการขายผ่านธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน)หรือ TTB เบี้ยประกันเติบโตสูงถึง 30%  

 2.กลยุทธ์ด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ลูกค้ามากที่สุด ในภาวะกำลังซื้อยังชะลอตัว เน้นคุ้มครองคุ้มค่าคุ้มราคา ซื้อง่าย จ่ายเบี้ยน้อย ผ่อนชำระได้  เช่น  ธนชาติ 2+ฟิต, ประกันเดินทาง ,ประกันพีเอ สำหรับกลุ่มครอบครัว คุ้มครองภายใต้กรมธรรม์เดียว และพัฒนาผลิตภัณฑ์ร่วมกับTTB

3. พัฒนางานบริการ ทั้งร่วมกับอู่รถยนต์ในเครือ สร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าและพัฒนาด้านเทคโนโลยี  เช่น ระบบคลาวด์และเอไอ รองรับการขยายธุรกิจอย่างไร้ขีดจำกัดและสร้างบริการสอดรับกับพฤติกรรมลูกค้าที่เปลี่ยน วางงบลงทุนไอทีเฉลี่ย 200 ล้านบาทต่อปี ซึ่งในปีหน้ายังลงทุนเทคโนโลยีต่อเนื่องจาก 2 ปีก่อน  

4.กลยุทธ์ให้ลูกค้ามีประสบการณ์ที่ดี บนแฟลตฟอร์มต่างๆของเราตลอด 24 ชั่วโมง

และที่สำคัญ 5. กลยุทธ์การลงทุน  จะปรับพอร์ตลงทุนเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนหุ้นกู้เอกชน กองทุนโครงสร้างพื้นที่  ซึ่งเน้นบริษัทที่มีผลประกอบการดี เครดิตเรทติ้งที่ดี มีการจ่ายปันผลสม่ำเสมอ เพื่อเพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุนอยู่ที่ 3% ในปีหน้า จากปัจจุบันสัดส่วนถึง 80% ลงทุนพันธบัตรรัฐบาลและเงินฝากมีผลตอบแทนจากการลงทุนราว 2%  ปัจจุบัน 

บริษัทมีพอร์ตการลงทุน 12,000 ล้านบาท ซึ่งแต่ละปีบริษัทจะเพิ่มเงินลงทุนใหม่เข้ามาราว 700 ล้านบาท   

ด้วยกลยุทธ์ดังกล่าวสนับสนุนการเติบโตของบริษัทปี 2565 ที่ตั้งเป้าหมายทางด้านกำไรเติบโตขึ้นทุกปีต่อเนื่อง จาก9 เดือนปี นี้มีกำไร 670 ล้านบาท  ขณะที่ เบี้ยประกันภัยรับรวมปีหน้า คาดอยู่ที่  10,000 ล้านบาทโต 22% จากปีนี้ที่คาดทำได้ตามเป้าหมาย ที่ 8,100 ล้านบาท เพราะ 9 เดืิอนทำได้แล้ว 5,900 ล้านบาท นอกจากนี้ตั้งเป้าเพิ่มจำนวนลูกค้าใหม่ 300,000 ราย จากปัจจุบันมี 1 ล้านราย จำนวนกรมธรรม์อยู่ที่ 1.5 ล้านฉบับ

นอกจากนี้ บริษัทยังเปิดโอกาสเข้าซื้อกิจการ หรือ ร่วมลงทุนต่อเนื่องที่จะมาทำงานร่วมกัน และ สร้างการเติบโตในอนาคต แต่จะต้องเป็นบริษัทที่ไม่ขาดทุนและมีความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมประกันภัย