ภาพรวมการลงทุนช่วงนี้อาจคล้ายช่วงปลายปี 2558

ภาพรวมการลงทุนช่วงนี้อาจคล้ายช่วงปลายปี 2558

เฟดส่งสัญญาณนโยบายการเงินตึงตัวเร็วขึ้น การแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ต่อคณะกรรมาธิการธนาคารประจำวุฒิสภา พูดถึงความเป็นไปได้ที่เฟดอาจปรับลดวงเงินในโครงการ QE (หรือการทำ tapering) มากกว่า 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน

ในการประชุม 14-15 ธ.ค.จากเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งมากขึ้นและแรงกดดันเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น ทำให้เป็นการเหมาะสมที่จะยุติโครงการซื้อพันธบัตรให้เร็วกว่าเดิมหลายเดือน สถานการณ์ดังกล่าวเราคาดว่าจะทำให้บรรยากาศลงทุนคล้ายช่วงปลายปี 2558 ที่เป็นช่วงปลายของการทำ tapering และตลาดหุ้นผันผวนจากการปรับพอร์ตของนักลงทุนรับมือดอกเบี้ยขาขั้นที่กำลังจะเกิดขึ้นในช่วงถัดไป //ดังนั้นนอกจากสถานการณ์ของสายพันธ์ใหม่ (Omicron) ที่อาจเข้ามากระทบบรรยากาศลงทุนแล้ว เราแนะนำนักลงทุนเผื่อใจสำหรับความผันผวนระยะสั้น (volatility) ที่อาจจะสูงขึ้นจากความกังวลจากมาตรการดังกล่าว

 

ประเมินแนวรับ 1,550 จุด คาดข้อมูลเกี่ยวกับสายพันธ์ใหม่ชัดเจนมากขึ้นในสัปดาห์หน้า กระบวนการตรวจสอบทางคลีนิค และผลทดสอบในห้องทดลองที่จะบ่งชี้ถึงความรุนแรงของโควิดสายพันธ์ใหม่ (Omicron) รวมถึงการติดตามผลการรักษาทั้งหมดจะใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์ ทำให้คาดว่าในสัปดาห์หน้า (6-10 ธ.ค.) จะเริ่มเห็นรายงานที่เกี่ยวข้องที่จะเป็นปัจจัยกำหนดแนวทางในการรับมือ และกลยุทธ์ที่แต่ละประเทศจะใช้ในการควบคุมการระบาด ซึ่งในเบื้องต้นเราประเมินจะไม่กระทบต่อแนวทางเปิดเมืองเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภายใน แต่อาจจะกระทบกับการเปิดประเทศเพื่อหลีกเลี่ยงการระบาดที่ไม่จำเป็น // เราประเมินแนวรับของดัชนีที่ 1,550 จุด (16.5x PER) และกรณีแย่ที่ 1,520 จุด โดยเราจะทบทวนสมมติฐานดังกล่าวหากมีข้อมูลเกี่ยวกับความรุนแรงที่เพิ่มเติมไปในทางแย่กว่าคาด
 

 

 

ธีมการลงทุนระยะสั้น 1) พลังงานทดแทนและรถไฟฟ้ารับ COP26 ดีกับ EA, NEX, SUPER 2) กลุ่มโภคภัณฑ์ป้องกันเงินเฟ้อ PTTEP, PTTGC, IVL, TOP 3) ผลตอบแทนพันธบัตรขยับขึ้น ซึ่งบวกกับกลุ่มธนาคารและประกัน อาทิ BBL, KBANK, SCB, TIPH 4) หุ้นบริโภคในประเทศ CPN, CRC, CPALL,  MAKRO 5) เรามองทยอยสะสม สื่อสาร สาธารณูปโภค ADVANC, DTAC, FTREIT, WHART, GULF, GPSC, EGCO, RATCH, EASTW, WHAUP, TTW 6) ผ่อนคลายเกณฑ์ LTV ได้แก่ SPALI, QH, PSH, ORI, LPN, LH, AP (ตามลำดับ) 7) ความขัดแย้งสหรัฐฯ-จีน หนุนการย้ายฐานผลิตมาไทย บวกกับ AMATA, WHA, ROJNA, CCET, SMT 8) กลุ่มการเงินหรือ IPO ที่ยังขึ้นน้อย IFS, PIN, ONEE, CV, UBE, DMT, ASW 9) เก็งกำไรแบบมีตัดขาดทุน กลุ่มได้ประโยชน์จากโควิด BCH, CHG, STA, STGT, SMD, WINMED (ไม่เกิน 1-2 สัปดาห์ หรือเมื่อความรุนแรงของโอไมครอนชัดเจน)

 

ภาพรวมกลยุทธ์: มีแนวโน้มผันผวนทางลงจากความกังวลโควิดสายพันธ์ใหม่  ซึ่งเรามองจะกระทบการฟื้นตัวของหุ้นท่องเที่ยวและกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากต่างชาติ ขณะที่กระทบจำกัดต่อหุ้นในธีมเปิดเมือง การปรับลงเป็นโอกาสเลือกซื้อประเมินแนวรีบ SET ที่ 1,550 จุด และกรณีแย่ที่ 1,520 จุด //หุ้นแนะนำ: FORTH*, EA*, CPN*, RAM*

แนวรับ: 1,550 / แนวต้าน : 1,585-1,600 จุด สัดส่วน : เงินสด 50% : พอร์ตหุ้น 50%
 

 

 

ประเด็นการลงทุน

เฟดส่งสัญญาณปิดฉาก QE เร็วกว่าคาด หลังเงินเฟ้อพุ่ง – เฟดส่งสัญญาณยุติโครงการ QE  เร็วกว่าที่คาดไว้ซึ่งมากกว่าเดือนละ 15,000 ล้านดอลลาร์ โดยจะมีการหารือกันในวันที่ 14-15 ธ.ค. นี้

มติครม.สังตรวจ RT-PCR ต่างชาติเข้าไทย – ครม.กลับมติศบค. สั่งตรวจ RT-PCR เหมือนเดิม หลังโควิดกลายพันธุ์ตัวใหม่ "โอไมครอน" ระบาดลามหลายประเทศ

สศอ.ชี้ดัชนีผลผลิตอุตฯปี 65 โต 4-5% – รมว.อุตสาหกรรมเผยตัวเลข MPI เดือนต.ค.64 ขยายตัว 2.91% yoy ส่งผลให้ MPI 10 เดือน ขยายตัว 5.93% อีกทั้งประมาณการMPI ปี65 ประมาณการ MPI ขยายตัว 4.0-5.0%

สกนช.คุยแบงก์ปล่อยกู้อุ้มดีเซล - สกนช. ร่อนหนังสือ 10 แบงก์ เสนอแผนปล่อยกู้กองทุนน้ำมันฯ วงเงิน 2 หมื่นล้านบาทอุ้มดีเซลไม่เกิน 30 บาทต่อลิตร เตรียมเสนอบอร์ดเคาะรายชื่อ ธ.ค.นี้ ทยอยเร่งใช้คืนหนี้ภายใน 3 ปี

MBKET เปลี่ยนชื่อ - บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ได้เปลี่ยนแปลงชื่อย่อหลักทรัพย์เดิมจาก "MBKET" เป็น ชื่อย่อหลักทรัพย์ใหม่ "MST"   มีผล 3 ธ.ค.64

Opportunity day – 30 พ.ย. – LOXLEY, LEO, NCH, CNT, CHEWA, AH, BCH / 1 ธ.ค. – ACE, TPIPP, DDD, AMR, HARN, BGRIM, RAM

 

ประเด็นติดตาม: - 17 ธ.ค. – FTSE Rebalancing Effective date

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)