หมดปัญญาจ้าง! โควิดทุบแรงงานท่องเที่ยว “ยุโรป-อเมริกา” ส่งบทเรียนถึงไทย

หมดปัญญาจ้าง! โควิดทุบแรงงานท่องเที่ยว “ยุโรป-อเมริกา” ส่งบทเรียนถึงไทย

แรงงานท่องเที่ยวซึมหนักเซ่นพิษโควิด-19 ส่อแววฟื้นยาก คนล้นดีมานด์การจ้างงาน ในยุโรป-อเมริกาเผชิญภาวะ “ตลาดแรงงานซบเซา” ด้านกระทรวงการท่องเที่ยวฯแนะไทยติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด ปรับโฟกัสเจาะตลาดนักท่องเที่ยวกลุ่มลักชัวรี ดึงเม็ดเงินเข้ามาใช้จ่ายในประเทศ

รายงานข่าวจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ระบุว่า จากสถานการณ์ท่องเที่ยวในปัจจุบัน พบว่าการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวทั่วโลกซึ่งได้รับผลกระทบจากวิกฤติโควิด-19 และการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจกำลังมีอุปสรรคมากขึ้น เห็นได้จากตลาดแรงงานในยุโรปและอเมริกาเรียกปรากฏการณ์นี้ว่า “ภาวะตลาดแรงงานซบเซา” สะท้อนถึงภาวะการขาดแคลนความต้องการแรงงานของนายจ้างเมื่อเทียบกับจำนวนแรงงานที่มีอยู่

นอกจากจะกระทบกับอัตราการว่างงานที่เพิ่มขึ้นแล้ว แรงงานที่มีฝีมืออาจไม่กลับไปทำงานในรูปแบบเดิม โดยกลายเป็นผู้ประกอบอาชีพอิสระมากขึ้น ซึ่งประเทศไทยเองควรต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดโดยเฉพาะตลาดแรงงานท่องเที่ยวในประเทศ 

สำหรับทิศทางการฟื้นฟูเศรษฐกิจการท่องเที่ยวของภูมิภาคอาเซียนและประเทศไทย จากข้อมูลสถานการณ์การท่องเที่ยวที่กำลังฟื้นตัวช้าๆ และการปรับเปลี่ยนทิศทางของตลาดแรงงานในกลุ่มประเทศที่นักท่องเที่ยวมีกำลังซื้อสูงกำลังเปลี่ยนไป ถือเป็นโอกาสสำคัญในการพัฒนาการท่องเที่ยวในกลุ่มอาเซียนให้เป็นเป้าหมายในการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวและสามารถทำงานไปพร้อมกัน ซึ่งมีค่าครองชีพที่ต่ำกว่าประเทศต้นทางของนักเดินทาง

โดยจากการสำรวจพบว่า ประเทศในกลุ่มอาเซียนอยู่ใน 50 อันดับของประเทศที่เป็นมิตรต่อการทำงานนอกสถานที่ โดยเฉพาะสิงคโปร์ที่มีจุดเด่นเรื่องความเร็วอินเตอร์เน็ต ส่วนไทยมีจุดเด่นเรื่องค่าบริการอินเตอร์เน็ตราคาไม่สูง และมาเลเซียมีจุดเด่นเรื่องค่าเช่าที่พักอาศัยไม่สูง

อย่างไรก็ตาม เมื่อดูเฉพาะการฟื้นฟูของภาคท่องเที่ยวไทย พบว่าจากข้อมูลพื้นฐานประเทศไทยยังคงได้รับความสนใจจากชาวต่างชาติที่กำลังวางแผนเดินทางมาเที่ยว โดยเฉพาะช่วงเวลาก่อนการเปิดโครงการ “ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์” ซึ่งเริ่มเมื่อวันที่ 1 ก.ค.2564 ที่ผ่านมา และนโยบาย “เปิดประเทศ 1 พ.ย.2564 แม้ว่าจะมีข้อกำหนดในการเปิดประเทศยังคงให้ความสำคัญต่อความมั่นคงทางด้านสาธารณสุข ควบคู่ไปกับเป้าหมายทางเศรษฐกิจ โดยนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศจะต้องเดินทางมาจากประเทศต้นทางที่มีความเสี่ยงต่ำ ได้รับการฉีดวัคซีนครบโดส และมีหลักฐานการตรวจหาเชื้อโควิดด้วย

นอกจากนี้ในส่วนสถานการณ์ท่องเที่ยวในประเทศจากข้อมูลล่าสุดเมื่อเดือน ต.ค.2564 สถานการณ์เริ่มกลับมาฟื้นตัวได้บ้าง หลังจากรัฐผ่อนคลายเคอร์ฟิว และผ่อนปรนกิจกรรมทางเศรษฐกิจ เปิดร้านอาหาร ศูนย์การค้ามากขึ้น ทำให้มีนักท่องเที่ยวชาวไทยเดินทางท่องเที่ยวในประเทศ 3.7 ล้านคน-ครั้ง สร้างรายได้ 1.04 หมื่นล้านบาท โดยจังหวัดที่มีจำนวนผู้เยี่ยมเยือนคนไทยมากที่สุด 3 อันดับ คือกรุงเทพฯ กาญจนบุรี และเพชรบุรี

ส่วนจำนวนนักท่องเที่ยวในประเทศสะสม 10 เดือนแรก ตั้งแต่เดือน ม.ค.-ต.ค.2564 มีจำนวนนักท่องเที่ยวไทยเที่ยวไทยสะสม 31.34 ล้านคน-ครั้ง มีรายได้สะสม 1.43 แสนล้านบาท