CK - ไปต่อหรือพอก่อน (24 พฤศจิกายน 2564)

CK - ไปต่อหรือพอก่อน (24 พฤศจิกายน 2564)

เราคาดกำไร 4Q จะลดลง qoq เนื่องจาก (1) ส่วนแบ่งกำไรจาก CKP ลดลงและ (2) ไม่มีรายได้ปันผลจาก TTW มีโอกาสที่บริษัทจะได้สัญญาใหม่จากโครงการเมกาเจคใหม่ซึ่งคาดว่าจะจัดประมูลใน 2022 มูลค่า 2.76 แสนลบ.

คงคำแนะนำ ซื้อ ปรับราคาเป้าหมายใหม่ขึ้นเป็น 23.80 บาท (จากเดิม 23.30 บาท) จำกัด มองมี Upside risk จากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำหลวงพระบางรออยู่

 

กำไร 4Q อ่อนแอลงจากส่วนแบ่งกำไร CKP อ่อนแอลง

แม้ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างจะฟื้นตัว qoq หลังการเปิดแคมป์คนงานและกิจกรรมการก่อสร้างกลับสู่ระดับปกติ แต่กำไร 4Q อาจลดลง qoq เนื่องจาก (1) ส่วนแบ่งกำไรจาก CKP ลดลงและ (2) ไม่มีรายได้ปันผลจาก TTW

 

โอกาสในการได้สัญญาใหม่

ณ 30 ก.ย. บริษัทมี backlog มูลค่า 2.57 หมื่นลบ. และรอเซ็นสัญญา 2 โครงการรถไฟรางคู่มูลค่า 4.63หมื่นลบ. เราคาดมี 8 โครงการรอการประมูลภายใน 2022 มูลค่ารวม 2.76แสนลบ. โดยมีโครงการหลักที่น่าสนใจได้แก่ (1) รถไฟฟ้าสายสีม่วง (ใต้) มูลค่า 7.9 หมื่นลบ., (2) รถไฟฟ้าสายสีส้ม (ตะวันตก) มูลค่า 1.27 แสนลบ., (3) โรงผลิตน้ำมหาสวัสดิ์มูลค่า 6.0 พันลบ. และ (4) โครงการทางระบายน้ำ (floodway) มูลค่า 3.4 พันลบ. ส่วนรถไฟฟ้าสายสีม่วง(ใต้) มีกำหนดยื่นประมูลวันที่ 27 ธ.ค. ผู้ชนะการประมูลจะประกาศใน 1Q22 โดยบริษัทคาดว่าจะได้สัญญาอย่างน้อย 1 สัญญา นอกจากนี้คาดว่าจะมีการขายซองประมูลสายสีส้ม (ตะวันตก) ใน 1Q22

 

 

ปรับคาดการณ์กำไรปี FY22F ลงจากความล่าช้าการเริ่มโครงการรถไฟรางคู่

เราปรับคาดการณ์กำไรปี FY22F ลง 26% เป็น 1.7 พันลบ. เนื่องจากความล่าช้าในการปเริ่มก่อสร้างรถไฟรางคู่ของ รฟท. และปรับสมมติฐานสัดส่วนการรับรู้กำไรสำหรับรถไฟรางคู่ใหม่ในปี FY22F จาก 25%  เป็น 10%

 

คงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมายใหม่ 23.80 บาท

เราปรับราคาเป้าหมายใหม่ขึ้นเป็น 23.80 บาท (จาก 23.30 บาท) จากปรับราคาเป้าหมาย BEM เป็น 10.00 บาท (จาก 9.50 บาท) คงคำแนะนำ ซื้อ มองมี Upside risk ของบริษัทจากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำหลวงพระบางในลาว ซึ่งมีกำลังการผลิตติดตั้ง 1,460MW ทั้งจากการเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างและผู้ถือหุ้นของ CKP