Sideways เก็งกำไร TOP TISCO AH (19 พ.ย. 2564)

Sideways เก็งกำไร TOP TISCO AH (19 พ.ย. 2564)

คาดดัชนีฯ Sideways แนวต้าน 1658 / 1665 จุด แนวรับ 1645 / 1640 จุด แนะนำ เก็งกำไร TOP TISCO AH ทางเทคนิคดัชนีฯ ยังคงเป็นสัญญาณขาขึ้น

อย่างไรก็ตาม ดัชนีฯ วันนี้คาดแกว่งตัวออกด้านข้าง เนื่องจากเป็นวันทาการสุดท้ายของสัปดาห์ ทำให้ตลาดมีแนวโน้มจะถูกขายทำกำไร หลังจากมีการปรับตัวขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง นักลงทุนอาจพิจารณาขายทำกำไรหุ้นขึ้นแรง และสลับไปซื้อหุ้นที่ยัง laggard ทดแทน

 

กลยุทธ์ลงทุน แนะนำ

    + กลุ่มโรงกลั่น หลังราคาน้ำมันรีบาวนด์ แนะนำเก็งกำไรระยะสั้น จากราคาหุ้นที่มีแนวโน้ม
รีบาวนด์ตามราคาน้ำมัน (TOP SPRC IRPC)
    + หุ้นที่ได้ประโยชน์จากอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ฟื้นตัว แนะนำกลุ่มยานยนต์ และกลุ่ม
เช่าซื้อ ซึ่งได้ประโยชน์จากยอดขายรถยนต์ในประเทศที่ขยายตัว หุ้นแนะนำ AH SAT
STANLY TISCO TCAP KKP

    + มาตรการช้อปดีมีคืน (ลุ้นรัฐเพิ่มมาตรการ) +ธุรกิจค้าปลีก เครื่องใช้ไฟฟ้า
บัตรเครดิต (HMPRO CPN CRC SNNP COM7 SYNEX SIS KTC AEONTS)

ปัจจัยบวก 1) มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยปรับเพิ่มเป้าหมายเศรษฐกิจไทยปี 2021-22E เป็น
1.5% (กรอบ 1.3-1.7%) และ 4.2% สะท้อนเศรษฐกิจไทยที่มีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างชัดเจน
หลังจากสถานการณ์ COVID-19 คลี่คลาย 2) รายงานยอดผลิตและส่งออกที่ยังคงเติบโตใน
เดือน ต.ค. (+หุ้นกลุ่มยำนยนต์)

ปัจจัยลบ 1) จีนผ่านกฎหมายการเปิดเผยข้อมูล ทำให้ผู้ให้บริการขนส่งในจีนบางราย
ตัดสินใจยุติการนำส่งข้อมูลต่าง ๆ ให้กับคู่ค้าต่างชาติ เพราะเกรงกลัวผลลัพธ์จากการดำเนิน
กฎหมายดังกล่าว การตัดสินใจเรื่องของเส้นทางขนส่งและการเดินเรือเริ่มมีการหยุดชะงัก
อาจเป็นอุปสรรค์ต่อการนำเข้าและส่งออกในระยะสั้น 2) ตลาดคาดว่า RBA และ BOE จะ
ประกาศปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมครั้งต่อไป จากแรงกดดันเงินเฟ้อที่สูงขึ้น

 

 

ประเด็นที่ต้องติดตาม

        - Opportunity Day: TFM JUBILE NVD TU UAC HUMAN HANA
        - ตัวเลข PPI เดือน ต.ค. ของเยอรมนี Consensus คาดชะลอตัวมาที่ 1.9% จาก 2.3% ใน
เดือนก่อนหน้า
        - ยอดค้าปลีกของ UK เดือน ต.ค. Consensus คาดขยายตัวจากเดือนก่อน แต่ชะลอตัว
เมื่อเทียบ YoY
        - ดุลการค้าของยูโรโซนเดือน ก.ย. Consensus คาดเกินดุลจากเดือนก่อนหน้า

 

+/-Global Market Summary: วันทำการที่ผ่านมา

+ ตลาดหุ้นไทยปิดบวกต่อเนื่อง: ดัชนีฯ แกว่งตัวในแดนบวกได้ตลอดทั้งวัน ปิดไปที่1,651.02 จุด +6.42 จุด วอลุ่มซื้อขำย 7.6 หมื่นล้านบาท นำบวกโดยกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ +1.41% กลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร +0.93% กลุ่มพาณิชย์+0.45% กลุ่มพลังงานและสาธารณูปโภค +0.21% หุ้นบวก >4% DTAC ONEE PIN BEC CMO TIPH BYD GSC IRCP ATP30 GJS MACO YGG SMT หุ้นลบ >4% BM AQ MPIC INSURE

+/- หุ้นสหรัฐฯ ปิดคละ ส่วนตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ : DJIA -0.17% (-60.10 จุด) S&P500+0.34% NASDAQ +0.45% โดย S&P 500, NASDAQ ทำ All Time High จากหุ้นกลุ่มเทคฯ หลัง Nvidia รายงานกำไรสูงกว่าคาด (EPS USD1.17/หุ้น) และ Apple ประกาศเร่งพัฒนารถ EV ส่วนหุ้นยุโรปปิดร่วง DAX -0.18% CAC40 -0.21% FTSE -0.48% นำลงโดยหุ้นกลุ่ม commodity ตามราคาน้ำมันดิบและเหล็กที่ร่วงลงมาก่อนหน้านี้

+/- น้ำมันดิบรีบาวนด์ ส่วนทองคำปิดลบ : WTI +65 เซนต์ ปิดที่ USD79.01/บาร์เรล Brent
+96 เซนต์ ปิดที่ USD81.24/บาร์เรล ฟื้นตัวหลังจากร่วงหลายวันที่ผ่านมา หลังจากญี่ปุ่น เกาหลีใต้ แจ้งสหรัฐฯ ว่าไม่สามารถนำน้ำมันทางยุทธศาสตร์มาใช้ เพื่อสกัดการพุ่งขึ้นของน้ำมันดิบได้ ส่วนทองคำร่วง -USD8.80 ปิดที่ USD1,864.00/ออนซ์ จากแรงขายทำกำไร หลังปรับขึ้นแรงในช่วงที่ผ่านมา

 

 

+/-ประเด็นสำคัญ
 

- China: สหรัฐฯ ได้เรียกร้องให้จีนระบายน้ำมันออกจากคลังสำรอง เพื่อทำให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวลง โดยการเรียกร้องดังกล่าวเกิดขึ้นในระหว่างการประชุมทางไกลระหว่างประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาตามเวลาสหรัฐฯ

+ Thailand: สอท. เผยยอดผลิตรถยนต์เดือน ต.ค. อยู่ที่ 154,038 คัน +3.27% YoY และ +10% MoM จากการคลายล็อกดาวน์ของประเทศคู่ค้า ทำให้สามารถส่งชิ้นส่วนให้ไทยได้มากขึ้น ส่วนยอดขายรถยนต์ พบว่า ส่งออกจำนวน 81,577 คัน +14.3% YoY และ +10.49% MoM รวม 10M21 อยู่ที่ 759,058 คัน +28.04% มูลค่าส่งออก 4.42 แสนล้านบาท +34.47% YoY ส่วนยอดขายรถยนต์ในประเทศเดือน ต.ค. มีจำนวน 64,462 คัน +13% YoY, +13.35% MoM จากนโยบายเปิดประเทศ ทำให้ประชาชนกล้าใช้เงินมากขึ้น

+ Japan: แหล่งข่าวของรัฐบาลญี่ปุ่น เผยวันนี้ว่า ญี่ปุ่นจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีวงเงินสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 55.7 ล้านล้านเยน (4.88 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) เพื่อบรรเทาผลกระทบจากการระบาดของ COVID-19 ทั้งนี้ มาตรการดังกล่าว ซึ่งรวมเงินอุดหนุนสำหรับภาคเอกชนด้วยจะมีขนาดใหญ่ถึง 78.9 ล้านล้านเยน โดยคณะรัฐมนตรีจะอนุมัติในวันนี้

กลยุทธ์การลงทุน: แนะนำ Trading Buy (โดยมีจุดขายตัดขาดทุน 3%)

หุ้นแนะนำรายสัปดาห์: AS SNC BEC

หุ้นแนะนำเก็งกำไร: TOP TISCO AH

Derivatives: ถือ Long S50Z21 รอทำกำไรตามเป้า (ติดตามรายละเอียดเพิ่มใน KTZ-D Report