TIDLOR ฟื้นตัวขึ้น (วันที่ 19 พฤศจิกายน 2564)

TIDLOR ฟื้นตัวขึ้น (วันที่ 19 พฤศจิกายน 2564)

เราคิดว่ากลยุทธ์ในการเน้นขยายสินเชื่อรถบรรทุกจะทำให้สินเชื่อของบริษัทโตได้เร็วอีก ~4% QoQ และทำให้สินเชื่อปีนี้โตได้ถึง 15%

ซึ่งเมื่อใช้สมมติฐาน yield สินเชื่อรถบรรทุกที่ประมาณ 15% และสินเชื่อกลุ่มนี้คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 10% สินเชื่อรวม yield สินเชื่อใน 4Q64 จะอยู่ที่ประมาณ 17.5-17.6%(จากประมาณ 17.8% ในงวด 9M64) อย่างไรก็ตาม รีไฟแนนซ์เงินกู้ระยะยาวที่ต้นทุนลดลงทำให้มาร์จิ้นยังดี ทำให้เราจึงใช้สมมติฐาน yield สินเชื่อระยะยาวที่ 17.5% และ NIM ปี 2564/65 ที่ 14.7%/14.5%

 

รายได้ค่าธรรมเนียมแข็งแกร่งจากธุรกิจประกัน

ถึงแม้ว่ารายได้ค่าธรรมเนียมจากธุรกิจประกันจะเพิ่มขึ้นในอัตราที่ชะลอลงในช่วงที่ COVID-19 ระบาดใน 2Q64-3Q64 แต่เราคาดว่าปัจจัยฤดูกาลจะช่วยหนุนให้รายได้ค่าธรรมเนียมส่วนนี้เร่งตัวขึ้นเร็วกว่าสองไตรมาสที่ผ่านมาจากปัจจัยฤดูกาล โดยรายได้ส่วนนี้ที่ 1.7 พันล้านบาทในปี 2564 (จาก 1.2 พันล้านบาทในงวด 9M64) และจะเพิ่มเป็น 2.1 พันล้านบาทในปี 2565 คิดเป็นประมาณ 10% ของรายได้รวม

 

ค่าใช้จ่ายจะเพิ่มขึ้นใน 4Q64 ในขณะที่สัดส่วน C/I มีแนวโน้มลดลงในปี 2565

ในขณะที่รายได้ฟื้นตัว ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามไปด้วย โดยผู้บริหารคาดว่าสัดส่วน C/I จะเพิ่มขึ้นเป็น 58% ใน 4Q64 (จาก 56% ใน 3Q64) โดยในระยะต่อไป บริษัทน่าจะบริหารสัดส่วน C/I ได้ดีขึ้นโดยเราใช้สมมติฐานสัดส่วน C/I ปี 2564/65 ที่ 58%/56%

การกลับรายการสำรองหนี้เสียเป็นรายได้จะทำให้ประมาณการกำไรของเรามี upside อีก

มีการเข้าโครงการผ่อนผันหนี้เพิ่มขึ้นในช่วงที่ COVID-19 ระบาดระลอกสามโดยยอดหนี้ที่เข้าโครงการเพิ่มขึ้นเป็น 7.9 พันล้านบาท (14% ของสินเชื่อรวม) ใน 3Q64 (จาก 2.2 พันล้านบาทใน 2Q64) ซึ่งยอดหนี้มีปัญหาที่เพิ่มขึ้นนี้อาจะทำให้งบ 4Q64 ผันผวน แต่เนื่องจาบริษัทมีส่วนรองรับหนี้เสียก้อนใหญ่ โดยสัดส่วน LLR/สินเชื่ออยู่ที่ 4.6% เราจึงคาดว่า TIDLOR จะยังรักษาระดับ credit cost ไว้ได้ที่ระดับต่ำในขณะที่สัดส่วน NPL coverage จะยังทรงตัว

 

เพิ่มประมาณการกำไรปี 2564/65 ขึ้นอีก +7%/+13% และเพิ่มราคาเป้าหมายปี 2565F เป็น 37.50 บาท

ประมาณการกำไรของเราสะท้อนถึง 1.) การปรับเพิ่มประมาณการสินเชื่อปี 2564/65 เป็น 16%/15%(จากเดิม 12.5%/14.5%) 2.) การปรับเพิ่ม yield สินเชื่อปี 2564/65 เป็น 17.5%/17.5% (จากเดิม17%/17%) 3.) การปรับเพิ่มรายได้ค่าธรรมเนียมปี 2564/65 เป็น 2.0 พันล้านบาท/2.5 พันล้านบาท (จากเดิม 1.9 พันล้านบาท/2.4 พันล้านบาท) ในขณะเดียวกัน เรายังคงประมาณการ credit cost เอาไว้ที่ 1.1%ซึ่งหากมีการกลับรายการสำรองพิเศษมาเป็นรายได้จะทำให้ประมาณการกำไรของเรามี upside เพิ่มอีก ทั้งนี้ เมื่อใช้ PEG ที่ 1.0x หรือคิดเป็น P/E ที่ 21x จะทำให้เราได้ราคาเป้าหมายปี 2565F ใหม่ที่ 37.50 บาท (เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ 32 บาท) ดังนั้น เราจึงปรับเพิ่มคำแนะนำจากขายเป็นถือ

 

Risks

กันสำรองเพิ่มขึ้น, สัดส่วน C/I สูงต่อเนื่อง, ค่านายหน้าประกันไม่โตตามที่คาด