Sideway Up (ประจำวันที่ 19 พฤศจิกายน 2564)

Sideway Up (ประจำวันที่ 19 พฤศจิกายน 2564)

วันพฤหัสที่ผ่าน ดัชนีปรับตัวขึ้นได้ต่อเนื่อง ราคาปิดที่ 1,651 จุด สามารถยืนเหนือระดับ 1,645 จุด ซึ่งเป็นแนวต้านทางด้านเทคนิค

โดยภาพรวมถือว่าตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นได้ดีกว่าตลาดหุ้นในภูมิภาค ที่ปรับตัวลงจากความกังวลตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐเมื่อคืนที่ผ่านมา โดยหุ้นกลุ่ม ICT ยังปรับตัวขึ้นโดดเด่นทั้ง DTAC, TRUE ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,651.02 จุด +6.42 จุด +0.39% มูลค่าการซื้อขาย 76,538 ลบ. ต่างชาติ +656.92 ลบ. TFEX +18,567 สัญญา ตราสารหนี้ +5,818.05 ลบ.

 

ปัจจัยบวก    

+ ราคาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 65 เซนต์ +0.8% ปิดที่ 79.01 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากนักลงทุนช้อนซื้อหลังจากสัญญาน้ำมันระหว่างวันร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 6 สัปดาห์หลังสหรัฐเรียกร้องให้จีนระบายน้ำมันออกจากคลังสำรองเพื่อสกัดการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันในตลาดโลก
+ หนังสือพิมพ์เซาท์ไชน่า มอร์นิ่ง รายงานว่าสหรัฐเรียกร้องให้จีนระบายน้ำมันออกจากคลังสำรองเพื่อทำให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวลงในระหว่างการประชุมทางไกล
+ BoE เปิดเผยว่า ภาคครัวเรือน ภาคธุรกิจ และตลาดการเงินของอังกฤษต่างเชื่อมั่นว่า BoE จะสามารถทำให้อัตราเงินเฟ้อกลับสู่เป้าหมายที่ระดับ 2%
+ สมาคมการเดินทางเพื่อธุรกิจระดับโลก (Global Business Travel Association - GBTA) คาดว่าการใช้จ่ายด้านการเดินทางเพื่อธุรกิจทั่วโลกมีแนวโน้มจะพุ่งขึ้นมากกว่า 37% ในปีหน้าแตะระดับสูงกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์
+ สหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 1,000 ราย สู่ระดับ 268,000 รายที่เป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่มี.ค.2563 ที่เริ่มมีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐ

 

ปัจจัยลบ 

+/- ศบค.รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศวันนี้ พบผู้ติดเชื้อรายใหม่รวม 6,855 ราย ราย ATK 2,606 ราย มีผู้เสียชีวิต 51 ราย รักษาหาย 7,655 ราย
 

- ดัชนีดาวโจนส์ปิด ลดลง 60.10 จุด -0.17% ถูกกดดันจากการร่วงลงของหุ้นซิสโก ซิสเต็มส์ ซึ่งเป็นหนึ่งในหลักทรัพย์ที่ใช้คำนวณดัชนีดาวโจนส์ แต่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดบวก
- สถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในเยอรมนีกำลังมีความ "รุนแรง" และนายกฯเยอรมนีกำลังหาวิธีการรับมือกับอัตราการติดเชื้อที่พุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
- ธนาคารกลางเกาหลีใต้ (BOK) เปิดเผยว่าหนี้ต่างประเทศของเกาหลีใต้พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ใน 3Q64 เนื่องจากหนี้สินระยะยาวที่ขยายตัวขึ้น
- ผู้ว่าการธปท. กล่าวปาฐกถาพิเศษ งาน Thailand Next Move Looking Beyond Covid-19 จัดโดยวารสารการเงินธนาคารว่า โจทย์ที่ท้าทายของศก.ไทยหลังยุคโควิด-19 ยังพบว่า 40 ปีผ่านไปโครงสร้างเศรษฐกิจยังคล้ายเดิม พึ่งพาส่งออกในกลุ่มเดิม ขณะที่บริบทของโลกเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ทำให้เครื่องยนต์ทางศก.ไทยอาจไม่แข็งแรงเหมือนเดิม

 

แนวโน้มตลาดวันนี้

คาดดัชนีในวันนี้มีโอกาสปรับตัวในลักษณะ Sideway Up โดยมีแรงหนุนจากหุ้นกลุ่ม BANK และ ICT เป็นตัวหนุนตลาด ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ที่เริ่ม Rebound ช่วยพยุงหุ้นกลุ่มพลังงาน คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,645-1,657 จุด

 

กลยุทธ์การลงทุน  

• หุ้น Reopening Play : หุ้นกลุ่มท่องเที่ยว MINT ERW CENTEL AWC SHR AOT AAV BA หุ้นกลุ่มขนส่ง BEM BTS หุ้นกลุ่มห้างสรรพสินค้า CPN CRC MBK หุ้นกลุ่มร้านอาหาร AU M ZEN หุ้นกลุ่มค้าปลีก CPALL BJC MAKRO
• หุ้นได้ประโยชน์จากธปท.คลายกฏ LTV เน้นลงทุนหุ้นอสังหาฯ P/E ต่ำ แนะนำ LH QH AP SPALI SIRI ORI LALIN PSH
• MSCI Global Small Cap Indexes หุ้นเข้า BEC TIPH TIDLOR หุ้นออก TKN
• การ Transformation ในหุ้นกลุ่มธนาคาร SCB KBANK BBL BAY

 

 

 

หุ้นรายงานพิเศษ

                                TIDLOR (Bloomberg Consensus 47 บาท)

Sideway Up (ประจำวันที่ 19 พฤศจิกายน 2564)

•3Q64 กำไรสุทธิ 812.7 ล้านบาท ทรงตัว YoY +5%QoQ คุณภาพสินทรัพย์ไม่น่าเป็นห่วงปลาย 3Q64 %NPL 1.41% ยังอยู่ในกรอบเป้าที่ระดับไม่เกิน 2% และผู้บริหารอยู่ระหว่างพิจารณาลดสำรองส่วนเกินในส่วนของ management overlay 9M64 มีกำไรสุทธิ 2,373.5 ล้านบาท +32%YoY ขณะที่ Bloomberg Consensus คาดกำไรปี 64 เฉลี่ย 3,151 ล้านบาท +30%YoY

•แนวโน้ม 4Q64 ที่เป็นช่วงไฮซีซั่นในปลายปีคาดว่าสินเชื่อโดยเฉพาะสินเชื่อจำนำทะเบียนมอเตอร์ไซค์จะขยายตัวต่อเนื่อง และผลจากการขยายสาขาได้มากกว่า 200 แห่งปลายก.ย.มีจำนวนรวม 1,260 แห่ง จำนวนบัตรติดล้อ 2.17 แสนล้านใบ +22%QoQ +181%YoY (active 33%) ส่วนการขายประกันมีสัญญาณดีขึ้นตั้งแต่ต้นเดือนก.ย.

•ความเห็น ฝ่ายวิจัยมีมุมมองบวกต่อปัจจัยพื้นฐานในระยะยาวจากศักยภาพในการเติบโตต่อเนื่องของผลประกอบการ และ sentiment เชิงบวกจากการเข้าคำนวณดัชนีสำคัญ MSCI (มีผล 30 พ.ย.) และรอฟังประกาศผลว่าจะได้เข้าคำนวณดัชนี SET50, FTSE หรือไม่ ราคาหุ้นซื้อขายที่ระดับ PER 29.6x สูงกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่ระดับ 23.06x โดยยังมี upside จากราคาเหมาะสม

 

หุ้นมีข่าว

(+) NRF (Bloomberg Consensus 9.25 บาท) มั่นใจผลงานปี 2564-2565 โต 50% ชูธุรกิจ Plant-Based, e-Commerce ยอดขายพุ่ง หลังสถานการณ์โควิด-19 และปัญหาตู้คอนเทนเนอร์เริ่มคลี่คลาย ลุ้นสิ้นปี 2564 ปิดดีลซื้อกิจการ e-Commerce เพิ่มอีก 1 ดีล พร้อมเปิดแผนปี 2565 รุกตลาดสหรัฐ ยุโป จีน ไทย ต่อเนื่อง หวังดันเป็นฐานผลิตต้นทางและวัตถุดิบ เพื่อคุมต้นทุน อีกทั้งมาร์จิ้นสูง (ที่มา ทันหุ้น)

(+) SAMART (Bloomberg Consensus - บาท) รับเต็มๆ หลัง SDC ประกาศคว้างานขนาดใหญ่ ดิจิทัลทรังค์เรดิโอ มหาดไทย พร้อมให้บริหาร มูลค่ารวม 3,314 ล้านบาท สัญญา 38 เดือน "วัฒน์ชัย" ชี้มีโอกาสขยายฐานผู้ใช้อีกมาก จากหน่วยงานราชการที่ต้องประสานงานร่วมกับกระทรวงมหาดไทย รวมถึงธุรกิจเอกชนที่เกี่ยวข้อง รับถึงเวลา SDC กำไรพลิกบวก (ที่มา ทันหุ้น)

(+) JWD (Bloomberg Consensus 20.90 บาท) มั่นใจปีนี้รายได้-กำไรพาเหรดนิวไฮ หลังได้อานิสงส์โควิด-19 ระบาด ทำธุรกิจโลจิสติกส์โตแรง คาดปีหน้ายังโตต่อเนื่อง ลุยเปิดบริการคลังสินค้าเพิ่ม 3 แห่ง ที่มหาชัย ลาดพร้าว และสระบุรี พร้อมร่วมทุนไปรษณีย์ไทย-แฟลช เอ็กซ์ รุกตลาดขนส่งพัสดุ (ที่มา ข่าวหุ้น)

(+) UAC ควงคู่ QTC ผนึกพันธมิตรทางธุรกิจ ลุยลงทุนโปรเจ็กต์สถานีอัดประจุไฟฟ้า (EV Charging Station) ผ่านบริษัทร่วมทุน "พีพีดับบลิวอี" (PPWE) อัดงบลงทุน 15 ล้านบาท ประเดิมปี 2565 นำร่องเฟสแรก 4 สถานี พร้อมวางเป้าติดตั้งให้ครบ 50 สถานี มั่นใจจะช่วยผลักดันสร้างมูลค่าเพิ่มอย่าง มั่นคงให้ทั้ง 2 บริษัทเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ (ที่มา ทันหุ้น)