BANPU กำไรไตรมาส 3/64 พุ่ง 736% แตะ 3.4 พันล้าน รับอานิสงส์ราคาน้ำมันพุ่ง

BANPU กำไรไตรมาส 3/64 พุ่ง 736% แตะ 3.4 พันล้าน  รับอานิสงส์ราคาน้ำมันพุ่ง

"บ้านปู" ไตรมาส 3 ปี 64 กำไรสุทธิ  3,489 ล้านบาท เพิ่มขึ้น763% มีรายได้จากการขายรวม 38,218 ล้านบาท เพิ่มขึ้น147% โดยกลุ่มธุรกิจพลังงานรายได้โตเด่นรับโอกาสช่วงราคาน้ำมันปรับตัวขึ้น หนุนกระแสเงินสดที่แข็งแกร่ง พร้อมขยายพอร์ตธุรกิจพลังงานตามแผย

นางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน)  หรือ BANPU เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2564 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน  สร้างกระแสเงินสดที่แข็งแกร่ง  โดยมีกำไรสุทธิ  3,489 ล้านบาท เพิ่มขึ้น763% มีรายได้จากการขายรวม 38,218 ล้านบาทเพิ่มขึ้น147% โดยมีกำไรก่อนหักภาษี ดอกเบี้ย ค่าเสื่อมและค่าใช้จ่ายตัดจ่าย (EBITDA)  17,432 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 72%

โดยมีปัจจัยสนับสนุนคือการปรับตัวสูงขึ้นของราคาถ่านหินและก๊าซธรรมชาติจากการฟื้นตัวของสถานการณ์โควิด-19 ในหลายประเทศ ทำให้มีความต้องการใช้พลังงานเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับการผลิตและการบริโภคที่ปรับตัวสูงขึ้น นอกจากนี้ยังมุ่งมั่นเสริมสร้างศักยภาพในการพัฒนาต่อยอดระบบนิเวศทางธุรกิจของกลุ่มบ้านปู (Banpu Ecosystem) ให้แข็งแกร่งและครบวงจรยิ่งขึ้น พร้อมส่งมอบอนาคตพลังงานเพื่อความยั่งยืน (Smarter Energy for Sustainability)

 

 

 

 

 

"กลุ่มธุรกิจพลังงาน ซึ่งมีรายได้เติบโตจากราคาขายที่สูงขึ้น ประกอบกับการดำเนินการตามแผนเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตที่สามารถรองรับความไม่แน่นอนของราคาและความต้องการของกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ด้านพลังงาน จึงเป็นโอกาสในการสร้างรายได้เพิ่มขึ้นในช่วงราคาตลาดปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้บริษัทฯ มีกระแสเงินสดที่แข็งแกร่ง พร้อมขยายพอร์ตธุรกิจเพื่อเสริมระบบนิเวศทางธุรกิจของกลุ่มบ้านปู โดยเฉพาะธุรกิจพลังงานที่สะอาดขึ้นและเทคโนโลยีพลังงานตามกลยุทธ์ Greener & Smarter ที่สอดคล้องกับเทรนด์พลังงานในอนาคต รวมถึงความต้องการและคาดหวังในเรื่องความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมของผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม" 

ในช่วงไตรมาส 3 ของปี 2564 ทั้ง 3 ธุรกิจหลักของบริษัทฯ มีผลประกอบการดังนี้

กลุ่มธุรกิจแหล่งพลังงาน (Energy Resources) มีผลประกอบการที่ดีจากราคาขายถ่านหินและก๊าซธรรมชาติที่เฉลี่ยเพิ่มขึ้นสอดคล้องกับแนวโน้มราคาในตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากความต้องการใช้พลังงานที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในหลาย ๆ ประเทศที่เริ่มมีการฟื้นฟูภาคเศรษฐกิจ และภาวะการตึงตัวของอุปทานในตลาด ประกอบกับสภาพภูมิอากาศในจีนที่เข้าสู่ฤดูหนาว โดยธุรกิจเหมืองมีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อมราคา (EBITDA) ในไตรมาส 3 ที่ 399 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 13,134 ล้านบาท) ส่วนธุรกิจก๊าซธรรมชาติ มี EBITDA ไตรมาส 3 ที่ 122.4 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 4,030 ล้านบาท)

กลุ่มธุรกิจผลิตพลังงาน (Energy Generation) มี EBITDA 2.6 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 85 ล้านบาท) อ่อนตัวลงเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า สำหรับธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานเชื้อเพลิงทั่วไป โรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม (Combined Heat and Power: CHP) 3 แห่งของบริษัทฯ ในจีน รวมไปถึงโรงไฟฟ้าซานซีลู่กวง (Shanxi Lu Guang: SLG) ซึ่งยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นการเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ได้รับผลกระทบจากต้นทุนถ่านหินที่ปรับตัวสูงขึ้นแต่ยังสามารถบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ขณะที่โรงไฟฟ้าเอชพีซีในสปป.ลาว และโรงไฟฟ้าบีแอลซีพีในไทยยังสามารถผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้าด้ายค่าความพร้อมจ่าย (EAF) ในระดับที่ดี ส่วนโรงไฟฟ้า นาโกโซ (Nakoso) ในญี่ปุ่นยังสามารถสร้างผลประกอบการเป็นที่น่าพอใจอย่างต่อเนื่อง ด้านธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในจีนและญี่ปุ่นคงประสิทธิภาพการจ่ายไฟได้เป็นอย่างดี แม้สภาพภูมิอากาศไม่เอื้ออำนวย นอกจากนี้ การลงทุนในโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ CCGT “Temple I” ในสหรัฐอเมริกา ได้เสร็จสิ้นกระบวนการซื้อขายเรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายนที่ผ่านมา

กลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีพลังงาน (Energy Technology)  มี EBITDA 5.4 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 179 ล้านบาท) ในขณะที่บริษัทฯ ยังคงเร่งเดินหน้าลงทุนในธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานและ  โซลูชันด้านพลังงานที่มีศักยภาพสูง โดยได้ขยายและพัฒนาบริการของธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า (E-mobility Platform) และธุรกิจการจัดการใช้พลังงาน (Energy Management Solutions) ด้วยการเข้าซื้อหุ้นทั้งหมดในในบริษัท เอ็นจี เซอร์วิสเซส (ประเทศไทย) จํากัด ซึ่งดำเนินธุรกิจครอบคลุมตั้งแต่การจัดหา ติดตั้ง ดำเนินการดูแลรักษา รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพระบบและอุปกรณ์ด้านการใช้พลังงาน เช่น ระบบอัดอากาศ ระบบทำความเย็นภายในอาคารหรือโรงงานอุตสาหกรรม ทั้งนี้ถือเป็นการเสริมแกร่งระบบนิเวศพลังงานฉลาดของบ้านปู เน็กซ์อย่างเต็มรูปแบบ

นอกจากนั้น ในเดือนพฤศจิกายนบริษัท BPIN Investment Co., Ltd. (BPINI) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท บ้านปู เน็กซ์ จำกัด ได้ลงนามในสัญญาซื้อขายเพื่อขายหุ้นทั้งหมดที่ถือในบริษัท Sunseap Group Pte., Ltd. (Sunseap) ผู้ผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในสิงคโปร์ การดำเนินการดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของการบริหารจัดการการลงทุน (Portfolio Rationalization) เพื่อสร้างความเติบโตในธุรกิจพลังงานที่สะอาดขึ้นตามแผนกลยุทธ์ Greener & Smarter ต่อไป

บริษัทยังคงมุ่งมั่นในการสร้างการเติบโตทางธุรกิจอย่างยั่งยืนภายใต้หลัก ESG (Environmental, Social and Governance) ควบคู่ไปกับการสร้างคุณค่าและความไว้วางใจให้กับผู้มีส่วนได้เสียและสังคมอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดบ้านปูได้รับรางวัลเกียรติยศบริษัทจดทะเบียนด้านความยั่งยืน (Sustainability Awards of Honor) จาก SET Awards 2021 ในกลุ่ม Sustainability Excellence ต่อเนื่องกันปีนี้เป็นปีที่ 4 และยังได้รับคัดเลือกให้อยู่ในรายชื่อ “หุ้นยั่งยืน” (Thailand Sustainability Investment: THSI) ประจำปี 2564 ต่อเนื่องกันปีนี้เป็นปีที่ 7

“บ้านปูยังคงเดินหน้าสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนตามหลัก ESG ไปพร้อมกับเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมที่สำคัญของประเทศไทยและระดับโลก โดยพร้อมให้การสนับสนุนความมุ่งมั่นของรัฐบาลไทย และรัฐบาลในทุกประเทศที่บ้านปูเข้าไปดำเนินธุรกิจ รวมทั้งร่วมมือกับประชาคมโลกเพื่อแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจากการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (UNFCCC COP) สมัยที่ 26 หรือ COP26  โดยบริษัทฯ จะดำเนินมาตรการในด้านต่าง ๆ เพื่อลดอัตราการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างต่อเนื่อง และมุ่งลงทุนในธุรกิจพลังงานที่สะอาดขึ้น โดยใช้เทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมตั้งเป้าหมายการมี EBITDA จากธุรกิจพลังงานที่สะอาดขึ้นและเทคโนโลยีพลังงานในสัดส่วนมากกว่าร้อยละ 50 ภายในปี 2568”