EGCO ผลประกอบการ 3Q64: เป็นไปตามคาด (12 พ.ย. 64)

ดังนั้น กำไรสุทธิใน 3Q64 จึงอยู่ที่ 1,074 ล้านบาท (-52.6% YoY, -28.9% QoQ) ส่วนกำไรจากธุรกิจหลักในงวด 9M64 อยู่ที่ 8,026 ล้านบาท (+3.1% YoY) คิดเป็น 83.9% ของประมาณการกำไรปีนี้ของเรา

 

กำไรใน 3Q64 ลดลง 2.3% YoY และ 5.9% QoQ

กำไรจากธุรกิจหลักแย่ลงทั้ง YoY และ QoQ เนื่องจาก i) มีการปิดซ่อมบำรุง KN4 ตามกำหนดเป็นเวลา 45 วัน ทำให้กำไรลดลง 103 ล้านบาท (-62% YoY, -78% QoQ) และ ii) รายได้ equity income จาก Paju ลดลงเนื่องจากต้นทุนเชื้อเพลิงสูงขึ้น และ pooled tariff ลดลง โดยที่ส่วนแบ่งตลาดของ Paju ใน pool ลดลงด้วยเนื่องจากมีคู่แข่งรายใหม่เข้ามาในตลาด (โรงไฟฟ้าถ่านหิน และนิวเคลียร์) ทำให้กำไรลดลง 107 ล้านบาท (-79% YoY, -62% QoQ)

 

กำไรจากธุรกิจหลักใน 4Q64 จะลดลง QoQ แต่เพิ่มขึ้น YoY

เราคาดว่ากำไรจากธุรกิจหลักของ EGCO ใน 4Q64F จะลดลง QoQ เนื่องจากเป็นช่วง low season ของ IPPs ในขณะที่คาดว่ากำไรจากธุรกิจหลักจะเพิ่มขึ้น YoY จากส่วนแบ่งกำไรจาก XPCL ที่เพิ่มขึ้นเพราะผลจาก La Niña ที่จะยังคงอยู่ไปจนถึง 1Q65

 

 

 

 

Valuation & Action

เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ และประเมินราคาเป้าหมาย DCF ปี 2565 ที่ 314 บาท ทั้งนี้ เนื่องจากเราคาดว่ากำไรจากธุรกิจหลักของ EGCO ใน 4Q64F จะลดลง QoQ แต่เพิ่มขึ้น YoY เราจึงยังคงประมาณการกำไรจากธุรกิจหลักปีนี้เอาไว้เท่าเดิมที่ 9,561 ล้านบาท เราคาดว่ากำไรจากธุรกิจหลักจะโตต่อเนื่องในปี 2565F จากกำลังการผลิตใหม่ 160MWe ของโครงการ Yunlin และ 161 MWe ของโครงการ NT1 ซึ่งมีกำหนด COD ใน 2Q65 รวมถึงดีล M&A ใหม่ของ APEX ด้วย

 

Risks

ความล่าช้าในการจัดสรรกำลังการผลิตใหม่, การเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์ของทางการ, โรงไฟฟ้าหยุดผลิตไฟฟ้า, ความล่าช้าในการก่อสร้างโครงการใหม่, ภาวะภัยแล้ง