“อาคม”ชี้ทิศทางการบินไทยฟื้นตัวชัดเจน

“อาคม”ชี้ทิศทางการบินไทยฟื้นตัวชัดเจน

“อาคม”เผย แผนฟื้นฟูการบินไทยมีทิศทางที่ดี โดยในเดือนต.ค.เริ่มกลับมามีกำไรจากการบิน และจะดีขึ้นจากนโยบายการเปิดประเทศ อาจทำให้ไม่จำเป็นต้องกู้เงินมาเสริมสภาพคล่อง

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆนี้ ทางคณะผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการบริษัท การบินไทย จำกัด(มหาชน)ได้เข้าพบนายกรัฐมนตรีเพื่อรายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับแผนการฟื้นฟูกิจการ ซึ่งกระทรวงการคลังในฐานะผู้ถือหุ้นก็เห็นว่า เริ่มมีความคืบหน้าที่ดีและทำได้ดีกว่าแผนที่กำหนดไว้

สำหรับปัญหาเรื่องของสภาพคล่องนั้น เขากล่าวว่า ก่อนหน้านี้ ทางผู้บริหารแผนระบุว่า สภาพคล่องจะหมดภายในเดือนก.ค.ที่ผ่านมา แต่ตอนนี้ก็ยังสามารถบริหารจัดการได้ และ ได้มีการรายงานว่า ผลประกอบการในเดือนต.ค.ที่ผ่านมา มีกำไร ซึ่งเป็นผลกำไรจากการทำธุรกิจการบิน ไม่ใช่จากการขายสินทรัพย์

“ผู้บริหารแผนเขาไปรายงานต่อนายกรัฐมนตรี เราในฐานะผู้ถือหุ้นก็เห็นว่า ทำได้ดีกว่าที่แผนกำหนดไว้ เช่น เรื่องสภาพคล่องที่ว่าจะหมดในเดือนก.ค.นี้ ตอนนี้ก็โอเค ส่วนจะไฟแนนซ์ช่วยหรือไม่ ต้องรอฟังเขาก่อน ให้เขาทำงานให้ถึงที่สุด ที่เคยบอกต้องการ 5 หมื่นล้านบาท วันนี้ อาจจะไม่ถึงแล้ว ประมาณ 2.5 หมื่นน่าจะเพียงพอ ส่วนรูปแบบจะเป็นอย่างไร ก็ต้องให้เขาพยายาม ขณะนี้ เขาเป็นเอกชน เขาก็ต้องไปกู้ก่อน เราไปค้ำไม่ได้”

เขากล่าวด้วยว่า ได้มีการประเมินถึงแนวโน้มการทำธุรกิจในอนาคตด้วยว่า หลังการเปิดประเทศ ทำให้ยอดการจองตั๋วเครื่องบินเขาดีขึ้นเรื่อยๆ ฉะนั้น ก็จะทำให้เขามีสภาพคล่อง และมีกำไร ซึ่งอาจทำให้ความจำเป็นในการกู้เงินนั้นน้อยลง

“อย่าลืมเขาจะเปิดบินได้ ซึ่งเขาก็บอกว่า ยอดบุ๊คกิ้งดีขึ้นเรื่อยๆ เพราะมีรายได้เข้ามาด้วย เดือนต.ค.จะเริ่มกำไรที่เกิดจากการบิน ไม่ใช่จากการขายสินทรัพย์ สภาพคล่องก็มี กำไรก็จะเพิ่ม ความจำเป็นต้องใช้เงินก็น้อยลง”

ส่วนกรณีที่มีข้อกังขาเรื่องการขายสินทรัพย์ที่อาจไม่โปร่งใสเขากล่าวว่า ก็ต้องให้ทางการบินไทยชี้แจง ซึ่งเรื่องการขายเครื่องบินนั้น เป็นเรื่องปกติ ซึ่งอดีตก็มีการขายเครื่องบินกันอยู่แล้ว

คลังไม่หวั่นลดฐานะการบินไทยสายการบินแห่งชาติ

นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงกรณีการเติมสภาพคล่องของการบินไทย วงเงิน 25,000 ล้านบาท โดยฝั่งเอกชน อาจทำให้สถานะผู้ถือหุ้นของคลังลดลง ส่งผลต่อภาพลักษณ์ของสายการบินแห่งชาติให้ลดลงไปด้วยนั้น ในฝั่งของกระทรวงการคลังไม่ห่วง เพราะมองว่าหากการปรับโครงสร้างของการบินไทย แล้วจะทำให้ธุรกิจและสถานะทางการเงินของการบินไทยกลับมาดีขึ้นได้ ก็ถือเป็นเรื่องที่ดี แต่ท้ายที่สุดการตัดสินใจจะขึ้นอยู่กับผู้บริหารแผนฟื้นฟูฯ ซึ่งก็มีคนของกระทรวงการคลังนั่งอยู่ในนั้นด้วย และมั่นใจว่าผู้บริหารแผนฯ จะมีการพิจารณาอย่างรอบคอบ

สายการบินแห่งชาติ ถือเป็นภาพลักษณ์และเป็นหน้าเป็นตาของประเทศ แต่หากต้องมีการปรับโครงสร้างและทำให้ความเป็นสายการบินแห่งชาติลดลงบ้าง ก็ไม่น่ามีปัญหา เพราะเมื่อสถานการณ์ของการบินไทยกลับมาดีขึ้น ท้ายที่สุดทั้งนักลงทุนทุกภาคส่วน รวมถึงรัฐบาล และกระทรวงการคลัง ก็จะกลับมาให้ความสนใจและเข้าไปลงทุนเพิ่ม” นายสันติ กล่าว

สคร.ขอประเมินแผนฟื้นฟูก่อนเพิ่มทุนบินไทย

ด้านนางปานทิพย์ ศรีพิมล ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ(สคร.)กล่าวว่า ตอนนี้ ยังตอบไม่ได้ว่า กระทรวงการคลังในฐานะผู้ถือหุ้นจะใส่เงินเพิ่มทุน หรือ ในฐานะเจ้าหนี้จะแปลงหนี้เป็นทุนตามแผนฟื้นฟูการบินไทยหรือไม่ เนื่องจาก ยังไม่เห็นรายละเอียดของแผน ซึ่งจะต้องหารือร่วมกันกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะในฐานะผู้จัดหาแหล่งเงินและระดับนโยบาย

“ขณะนี้ เราทราบเพียงแผนคร่าวๆเท่านั้นว่า เขาจะมีการเพิ่มทุนจำนวนเท่าไหร่ แต่เราเองในฐานะผู้ถือหุ้นก็ต้องเห็นแผนก่อนและกลับมาวิเคราะห์ความเป็นไปได้ของแผนต่างๆ ซึ่งต้องหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้วย”

ทั้งนี้ หากมองในเชิงนโยบายแล้ว กระทรวงการคลังคงต้องมีหุ้นในการบินไทยในระดับที่พอสมควร แม้ขณะนี้ จะลดสัดส่วนลงมาเหลือ 47% และเมื่อบวกกับหุ้นที่ธนาคารออมสินถืออยู่อีกประมาณ 2% เป็น 49%

อย่างไรก็ดี เท่าที่รับทราบแผนคร่าวๆจากผู้บริหารแผนที่ได้ไปรายงานต่อนายกรัฐมนตรีก็พบว่า ทางการบินไทยมีการบริหารงานที่ดีขึ้น โดยได้ตัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นออกไป ทั้งตัดขายทรัพย์สิน เช่น เครื่องบิน ทรัพย์สินในต่างจังหวัดและลดจำนวนพนักงานลงเกือบครึ่งหนึ่ง ซึ่งก็ทำให้ค่าใช้จ่ายของบริษัทปรับลดลง