AAV ชี้ สถาบัน-รายใหญ่พร้อมใส่เงินเพิ่มทุน กลางธ.ค.จ่อรับ 1.4 หมื่นล้าน

AAV ชี้ สถาบัน-รายใหญ่พร้อมใส่เงินเพิ่มทุน กลางธ.ค.จ่อรับ 1.4 หมื่นล้าน

AAV มั่นใจขายหุ้นเพิ่มทุนเกลี้ยง 8 พันล้านหุ้น เหตุ นักลงทุนรายใหญ่-สถาบัน เข้าซื้อหุ้นพีพี พร้อมซื้อเพิ่มหากผู้ถือหุ้นเดิมใช้สิทธิไม่ครบ เหตุ เชื่อมั่นธุรกิจฟื้น-ราคาขายต่ำเพียง 1.75 บาท เตรียมรับเงินกลาง ธ.ค.นี้   ยกเลิกนำไทยแอร์เอเชีย เข้าจดทะเบียนตลาดหุ้นไทย

นายธรรศพลฐ์ แบเลเว็ลด์ ประธานกรรมการบริหารบริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AAV เปิดเผยว่า มั่นใจจะเสนอขายหุ้นเพิ่มทุน จำนวน 8,000 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 1.75 บาท รวมมูลค่า 1.4 หมื่นล้านบาท ได้ตามแผนที่วางไว้ ซึ่งขณะนี้รอผู้ถือหุ้นอนุมัติการเพิ่มทุนดังกล่าว ในวันที่ 26 พ.ย.2564

ทั้งนี้ที่ส่วนตัวมั่นใจจะได้เงินเพิ่มทุนครบตามจำนวน เนื่องจาก ในส่วนของการเสนอขายแก่นักลงทุนในวงจำกัด (PP) จำนวน 5,028.57 ล้านหุ้น แบ่งเป็น AirAsia Aviation Limited(AAA) จำนวน 4,457.14 ล้านหุ้น

และนักลงทุนบุคคลรายใหญ่ จำนวน 6 ราย และการเสนอขายหุ้นกู้แปลงสภาพ  จำนวน 2,200,000 หน่วย ให้ มูลค่า 2,200 ล้านบาท  (หุ้นเพิ่มทุนรองรับการแปลงสภาพหุ้นกู้แปลงสภาพในวงจำกัด  1,257.14 ล้านหุ้น) ให้กับ ธนาคารกรุงเทพ (BBL) และ North Haven Thai Private Equity, L.P.) พร้อมใส่เงินเพิ่มทุนดังกล่าว

ส่วนการเสนอขายแก่ผู้ถือหุ้นเดิม (RO) จำนวน 1,714.28 ล้านหุ้นนั้น ซึ่งหากผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทใช้สิทธิไม่ครบ กลุ่มนักลงทุนบุคคลรายใหญ่ และนักลงทุนสถาบัน ที่เข้ามาซื้อหุ้น PP และ ซื้อหุ้นกู้แปลงสภาพของบริษัท ก็จะเข้ามาซื้อหุ้นในส่วนที่เหลือ ดังนั้นจึงมั่นใจว่า หากผู้ถือหุ้นอนุมัติเสนอขายหุ้นเพิ่มทุน คาดว่าจะได้เงินประมาณ 7-10 วัน หรือไม่เกินกลางธ.ค. 2564

 

สำหรับสาเหตุที่นักลงทุนบุคคลรายใหญ่ และนักลงทุนสถาบันพร้อมที่จะซื้อหุ้นเพิ่มทุนของบริษัทเพิ่ม เพราะราคาหุ้นที่เสนอขายเป็นราคาที่ต่ำ ซึ่งหากเข้ามาซื้อก็จะได้กำไร และซื้อเพื่อเป็นการลงทุน จากที่คาดว่าธุรกิจท่องเที่ยวจะฟื้นกลับมาได้ หลังการเปิดประเทศ

นายธรรศพลฐ์ กล่าวว่า เงินที่ได้จากการเพิ่มทุนครั้งนี้ 1.4 หมื่นล้านบาทนั้น หลังจากการชำระหนี้ส่วนหนึ่ง และใช้ซื้อหุ้นเพิ่มทุนบริษัทไทยแอร์เอเชียแล้ว จะนำไว้ใช้สำหรับเงินทุนหมุนเวียน เพราะขณะนี้สถานการณ์ต่างๆ ยังมีความไม่แน่นอน ทำให้บริษัทต้องเน้นการลดต้นทุน ซึ่งปัจจุบันลดต้นทุนมาสุดๆ แล้ว

"จากที่บริษัทมีการปรับแผนการระดมทุนใหม่ ซึ่งAAV จะเข้าไปถือหุ้นไทยแอร์เอเชีย 100% ทำให้ยกเลิกการนำไทยแอร์เอเชีย เข้าตลาดหุ้นไทย  " 

ส่วนทิศทางผลการดำเนินงานในปีหน้านั้น ขณะนี้ขอดูความชัดเจนการเปิดประเทศก่อนว่าจำนวนนักท่องเที่ยวและประเทศที่สามารถเปิดให้ทำการบินได้ก่อน เพราะวันที่ 1 พ.ย. 2564 เป็นแค่ช่วงเริ่มต้นของการเปิดประเทศ ซึ่งปัจจุบันยังไม่สามารถเห็นทิศทางที่ชัดเจนได้ว่าปีหน้าประเทศในเอเชียจะสามารถเปิดให้ ซึ่งจะเห็นภาพชัดเจนก็จะเป็นช่วงต้นปีหน้า แต่หากมีความชัดเจน เดือนม.ค.สามารถเปิดบินได้ 50% และเดือนมิ.ย.กลับมาได้ 100% แน่นอนว่าจะส่งผลดีต่อการดำเนินงาน และอาจจะไม่ขาดทุน

อนึ่ง นักลงทุนรายใหญ่ 6 คน รวม 571.42 ล้านหุ้น ประกอบด้วย นายพิธาน องค์โฆษิต จำนวน 362.04 ล้านหุ้น ,นายปรินทร์ โลจนะโกสินทร์ จำนวน  150.94 ล้านหุ้น ,นายบัณฑิต พิทักษ์สิทธิ์ จำนวน  14.60 ล้านหุ้น ,นางปิยะพร วิชิตพันธุ์ จำนวน 14.60 ล้านหุ้น,นายสุวพล สุวรุจิพร จำนวน 14.60 ล้านหุ้น, นายวรพจน์ อำนวยพล 14.60 ล้านหุ้น 

     สำหรับการเพิ่มทุนในครั้งนี้จะส่งผลให้ส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัท เพิ่มขึ้นประมาณ 14,000 ล้านบาท (ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2564 บริษัทมีส่วนของผู้ถือหุ้นเท่ากับ 10,820 ล้านบาท) รวมถึง บริษัทคาดว่าจะนำเงินส่วนที่เหลือจากภายหลังการปรับโครงสร้างการถือหุ้นไปเพิ่มทุนในไทยแอร์เอเชียเป็นมูลค่าประมาณ 6,200 ล้านบาท ซึ่งจะส่งผลให้ส่วนของผู้ถือหุ้นของไทยแอร์เอเชีย เพิ่มขึ้น (ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2564 ไทยแอร์เอเชียมีส่วนของผู้ถือหุ้นติดลบ (ขาดทุนเกินทุน) เท่ากับ 9,722 ล้านบาท)

พิสูจน์อักษร โดย....สุรีย์  ศิลาวงษ์