TOP พลิกมีกำไร 9 เดือนแรกปีนี้ที่ 7,545 ล้านบาท หลังราคาขายเพิ่ม

TOP พลิกมีกำไร 9 เดือนแรกปีนี้ที่ 7,545 ล้านบาท หลังราคาขายเพิ่ม

กลุ่มไทยออยล์ 9 เดือนแรกปีนี้พลิกมีกำไร 7,545 ล้านบาท หลังจากรายได้จากกขาย 231,530ล้าน เพิ่มขึ้น 48,598 ล้าน จากช่วงเดียวกันปีก่อน หลังราคาขายผลิตภัณฑ์ที่ปรับเพิ่มขึ้น และมีกำไรจากสต๊อกน้ำมัน ขณะที่ไตรมาส3/64 มีกำไรเพิ่มขึ้นที่ 2,063 ล้าน

นายวิรัตน์ เอื้อนฤมิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จ้ดการใหญ่ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า  ในไตรมาส 3 ปี 2564 กลุ่มไทยออยล์ กำไรขั้นต้นจากการผลิตของกลุ่มรวมผลกระทบจากสต๊อก น้ำมัน (Accounting GIM) อยู่ที่10.5 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรลและด้วยปริมาณวัตถุดิบที่ป้อนเข้าสู่กระบวนการผลิตของกลุ่มอยู่ที่ 259 พันบาร์เรลต่อวัน 

ทำให้กลุ่มไทยออยล์ มีรายไดจ้ากการขาย จำนวน 79,960ล้านบาท และ เมื่อห้กค่าใช้จ่ายดำเนินงาน ต้นทุนทางการเงิน  ค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้และขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนสุทธิ ทำให้ ไตรมาส 3 ปี 2564 กลุ่มไทยออยล์  มีกำไรสุทธิ 2,063 ล้านบาท   หรือคิดเป็นกำไรสุทธิ 1.01 บาทต่อหุ้น  ซึ่งรวมผลกำไรจากสต๊อกน้ามันก่อนภาษี3,915 ล้านบาท และรายการปรับลดมูลค่าสินค้าคงเหลือน้ำมันดิบและน้ำมันสำเร็จรูปก่อนภาษีน้ำมันสำเร็จรูปก่อนภาษี280ล้านบาท  ทั้งนี้กำไรสุทธิในไตรมาส 3/2564 เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนมีกำไรสุทธิที่ 715 ล้านบาท

สำหรับผลการดำเนินงานงวด9 เดือนปี2564  กลุ่มไทยออยล์ มีกำไรขั้นต้น  จากการผลิตของกลุ่มรวม ผลกระทบจากสต๊อกน้ำมัน (Accounting GIM) อยู่ที่10.2 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล และมีปริมาณวัตถุดิบที่ ป้อนเข้าสู่กระบวนการผลิตของกลุ่มอยู่ที่ 270 พันบาร์เรลต่อวัน ทำให้กลุ่มไทยออยล์ มีรายไดจ้ากการขายจำนวน 231,530ล้านบาท และเมื่อหักค่าใช้จ่ายดำเนินงาน ต้นทุนทางการเงิน ค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้และขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนสุทธิ

ทำให้ผลการดำเนินงานประจำปี 2564 รอบ 9 เดือน กลุ่มไทยออยล์ มีผลกำไรสุทธิ 7,545 ล้านบาท หรือคิดเป็นกำไรสุทธิ 3.70 บาทต่อหุ้น ซึ่งรวมผลกำไรจากสต๊อกน้ำมันก่อนภาษี12,354ล้านบาท ณ วันที่ 30 กันยายน 2564 กลุ่มไทยออยล์ มีสิน ทรัพย์รวมทั้งสิ้น 345,849ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปีก่อน 39,661 ล้านบาท ทั้งนี้ 9 เดือนปี 2564  พลิกมีกำไรจากช่วงเดียวกันปีก่อน ขาดทุน 10,559 ล้านบาท

 

สาเหตุหลักจากสินทรัพย์ไม่หมุนเวียนเพิ่มขึ้น เนื่องจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมเพิ่มขึ้น จากการลงทุน ของPT TOP Investment Indonesia (TII) ใน PT Chandra Asri Petrochemical Tbk (“CAP”) ที่ร้อยละ 15ของหุ้น ทั้งหมดของ CAP

สำหรับหนี้สินรวมของกลุ่มไทยออยล์ ปรับเพิ่มขึ้น 42,174ล้านบาท จากสิ้นปีก่อน มาอยู่ที่ 228,243ล้านบาท เนื่องจากเงินกู้ยืมระยะยาวและหุ้นกู้ปรับเพิ่มขึ้น หลังบริษัทฯ เข้าทำสัญญากู้ย้มเงินระยะส้ัน (Bridging Loan) กับ บริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน)  ซึ่งเป็นผู้ถือห้นรายใหญ่ของบริษัท และกับสถาบันการเงิน  ในส่วนของผู้ถือหุ้นของกลุ่มไทยออยล์มียอดรวมทั้งสิ้น 117,605ล้านบาท ปรับลดลง 2,513ล้านบาท จากสิ้นปีก่อน จากผลกำไรเบ็ดเสร็จรวมผลการดำเนินงานหักกับเงินปันผลจ่าย ซึ่งเป็นเงินปันผลจ่ายให้แก่ส่วนได้เสียที่ไม่มีอำนาจควบคุมและผู้ถือหุ้นของกลุ่มกิจการ และการชำระบัญชีของบริษัทย่อย