FETCO ชี้เปิดประเทศหนุน "ดัชนีเชื่อมั่นนักลงทุน" สูงสุดเป็นประวัติการณ์

FETCO ชี้เปิดประเทศหนุน "ดัชนีเชื่อมั่นนักลงทุน" สูงสุดเป็นประวัติการณ์

ผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้า (ม.ค.) สูงสุดเป็นประวัติการณ์ นักลงทุนคาดหวังภาคท่องเที่ยวฟื้นตัว-แผนการฉีดวัคซีนเพื่อคลี่คลายสถานการณ์โควิด-19

นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) ผลสำรวจในเดือน ต.ค.2564 พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index: ICI) ในอีก 3 เดือนข้างหน้า (เดือน ม.ค.2565) อยู่ที่ระดับ 168.69 สูงสุดตั้งแต่เริ่มทำการจัดทำดัชนี โดยปรับตัวเพิ่มขึ้น 18.2% จากเดือนก่อนหน้ามาอยู่ในเกณฑ์ “ร้อนแรงอย่างมาก” นักลงทุนคาดหวังการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวเป็นปัจจัยหนุนมากที่สุด รองลงมาคือแผนการฉีดวัคซีนเพื่อคลี่คลายสถานการณ์โควิด-19 และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ สำหรับปัจจัยที่ฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุนมากที่สุด ได้แก่ ความกังวลต่อสถานการณ์ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่หลังเปิดประเทศ รองลงมาคือการถดถอยของเศรษฐกิจในประเทศ และสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศ

FETCO ICI

ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) สำรวจในเดือน ต.ค.2564 ได้ผลสำรวจโดยสรุป ดังนี้

- ดัชนีความเชื่อมั่นรวมทุกกลุ่มนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้า (มกราคม 2565) อยู่ในเกณฑ์ “ร้อนแรงอย่างมาก” (ช่วงค่าดัชนี 160-200) ปรับตัวเพิ่มขึ้น 18.2% จากเดือนก่อนหน้ามาอยู่ระดับ 168.69

- ความเชื่อมั่นนักลงทุนกลุ่มนักลงทุนบุคคล กลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ และกลุ่มนักลงทุนต่างประเทศอยู่ในระดับ “ร้อนแรงอย่างมาก” ในขณะที่กลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศอยู่ในระดับ “ร้อนแรง”

- หมวดธุรกิจที่น่าสนใจมากที่สุด หมวดท่องเที่ยวและสันทนาการ (TOURISM)

- หมวดธุรกิจที่ไม่น่าสนใจมากที่สุด คือ หมวดประกันภัยและประกันชีวิต (INSUR)

- ปัจจัยหนุนที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือ การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว

- ปัจจัยฉุดที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือ ความกังวลต่อสถานการณ์ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่หลังเปิดประเทศ

ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน

"ผลสำรวจ ณ เดือน ต.ค.2564 รายกลุ่มนักลงทุน พบว่าความเชื่อมั่นนักลงทุนบุคคลปรับเพิ่มขึ้น 18.6% อยู่ที่ระดับ 161.63 อยู่ในระดับสูงสุดตั้งแต่เริ่มทำการสำรวจดัชนี กลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ปรับลด 6.7% อยู่ที่ระดับ 160.00 กลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศปรับเพิ่ม 18.4% อยู่ ที่ระดับ 157.89 และกลุ่มนักลงทุนต่างชาติ ปรับเพิ่ม 26.0% อยู่ที่ระดับ 180.00"

ในช่วงเดือน ต.ค.2564 SET Index ปรับตัวสูงขึ้นจากเดือนก่อนหน้า โดยได้ผลกระทบในเชิงบวกจากการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ การออกมาตรการท่องเที่ยวทั้งโครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 3 และทัวร์เที่ยวไทย รวมถึงแผนการเปิดประเทศเพื่อรับนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศของภาครัฐ โดยหุ้นที่อยู่ในกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการเปิดเศรษฐกิจปรับตัวสูงขึ้นกว่ากลุ่มอื่น ส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดทุนไทยอย่างต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 โดยมีมูลค่าซื้อสุทธิกว่า15,773.15 ล้านบาทในเดือน ต.ค. ในขณะที่อัตราการฉีดวัคซีนโควิด-19 ในประเทศไทย ครอบคลุมกว่า 70% ของจำนวนประชากรสำหรับเข็มแรก และเกือบ 50% สำหรับเข็มสอง โดย SET index ณ สิ้นเดือน ต.ค.2564 ปิดที่ 1,623.43 จุด ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.1% จากเดือนก่อนหน้า

ปัจจัยต่างประเทศที่น่าติดตาม ได้แก่ วิกฤติพลังงานโลกซึ่งราคาพลังงานทั้งน้ำมันดิบ ก๊าซธรรมชาติ ถ่านหิน ปรับตัวสูงขึ้นมาก การเติบโตของเศรษฐกิจจีนที่อาจชะลอตัวจากการขาดแคลนพลังงานในประเทศ สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯและจีน ทั้งประเด็นการค้า และประเด็นความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐและไต้หวัน รวมถึง ความกังวลต่อโอกาสที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจชะงักงันและเงินเฟ้อ (Stagflation) ซึ่งจะส่งผลต่อความผันผวนของตลาดหุ้นจากการประกาศตัวเลขเงินเฟ้อที่สูงกว่าระดับปกติมากในหลายประเทศ

ในส่วนของปัจจัยในประเทศที่น่าติดตาม ได้แก่ การประกาศผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนไตรมาส 3 ปี 2564 ความเสี่ยงจากการเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่จากการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยไม่ต้องกักตัวสำหรับประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำที่เริ่มในเดือน พ.ย.นี้ ซึ่งจะต้องมีการติดตามและเฝ้าระวังจากภาครัฐอย่างเคร่งครัด อีกทั้งสถานการณ์น้ำท่วมที่ยังยืดเยื้อ และราคาพลังงานที่ปรับสูงขึ้นอาจส่งผลกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจ