Quantamental เริ่มมีสัญญาณดีขึ้นสำหรับภาคธุรกิจ

Quantamental เริ่มมีสัญญาณดีขึ้นสำหรับภาคธุรกิจ

จากบทวิเคราะห์เดือนก่อน Valuation โมเดลของเราเริ่มส่งสัญญาณว่าตลาดหุ้นไทยมีความน่าสนใจที่ลดลง โดยเป็นผลของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Bond yield) ที่ปรับขึ้นต่อเนื่อง

อย่างไรก็ดี Momentum ระยะกลางในตลาดหุ้นยังเป็นบวก เราจึงแนะนำให้นักลงทุนคงน้ำหนักลงทุนในตลาดหุ้นตามเดิม

Default spread (BBB - AAA) (อาจ) ผ่านจุดสูงสุดแล้ว สัญญาณบวกต่อหุ้นเล็กและหุ้น Valuation ถูกปลายปี 2563 เราได้แนะนำ "Default spread (BBB-AAA)" ในบทวิเคราะห์ Quantamental ซึ่งเป็นการคำนวณหาส่วนต่างระหว่างอัตราผลตอบแทนหุ้นกู้เอกชนที่ได้รับการจัดอันดับเรตติ้ง BBB และ AAA โดย Default spread ที่คำนวณได้นี้จะเป็นการติดตามสถานการณ์ของวัฏจักรเศรษฐกิจ หาก Spread สูง/(ต่ำ) จะสะท้อนว่าวัฏจักรเศรษฐกิจอยู่ในภาวะที่ซบเซา/(เติบโต) เนื่องจากความกลัวความเสี่ยงของนักลงทุนในตลาดตราสารหนี้ เพิ่มขึ้น/(ลดลง) สะท้อน Risk-aversion/(Risk-seeking) Default spread ปรับตัวขึ้นสูงมากในช่วงวิกฤตโควิด-19 และทะลุผ่านจุดสูงสุดเดิมที่เคยเกิดขึ้นจากวิกฤตเศรษฐกิจในปี 2551 (รูปที่ 7) อย่างไรก็ดี Default spread เริ่มปรับตัวลดลงต่อเนื่องตั้งแต่เดือน ส.ค.ที่ผ่านมา เป็นการส่งสัญญาณที่ดีต่อวัฏจักรเศรษฐกิจของไทย ว่าน่าจะเริ่มเข้าสู่ช่วงต้นของการฟื้นตัว และเราประเมินความกลัวความเสี่ยงของนักลงทุนจะเริ่มลดลง ในทางทฤษฎีการเงินเราเชื่อว่าหุ้น Small cap และหุ้นที่ Valuation ถูก (PBV PE ต่ำ) มีโอกาสที่จะเป็นเป้าหมายการเก็งกำไรของนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้เพิ่มขึ้น
 

 

 

Value factor: Bond yield ที่ปรับขึ้นต่อเนื่อง กดดัน Valuation

เดือนที่ผ่านมา Consensus คงประมาณการฯ EPS ของ SET index อย่างไรก็ดี Bond yield ของไทยกลับปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง โดย Bond yield อายุ 5 - 10 ปี ล่าสุดปรับขึ้นมาเป็น 1.23% และ 1.98% จาก 1.03% และ 1.89% ตามลำดับในเดือนก่อน

i) Implied equity risk premium (iERP): iERP ณ สิ้นเดือน ต.ค. เท่ากับ 3.18% ทรงตัวจากเดือนก่อน การปรับประมาณการฯ DPS โดย Consensus ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งนี้ iERP ปัจจจุบันสูงกว่าระดับ -1.5 เท่าของส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานจากค่าเฉลี่ยในอดีตที่ 3.0% เพียงเล็กน้อย

ii) Modified yield gap (M-yield gap): M-yield gap ล่าสุดเท่ากับ -1.28 จุด ค่าติดลบที่มากขึ้นสะท้อนความน่าสนใจลงทุนในตลาดหุ้นที่ลดลง เมื่อเทียบกับตลาดพันธบัตร จากการศึกษาข้อมูลในอดีตหาก M-yield gap ติดลบมากเกินกว่า -2.0 จุด มีความเสี่ยงที่ตลาดหุ้นไทยจะพักฐาน

iii) Cyclical adjusted PE (CAPE): CAPE ล่าสุดเท่ากับ 20.15 เท่า ใกล้เคียงกับระดับ +1.0 เท่าของส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของค่าเฉลี่ยในอดีต แม้ว่า CAPE จะทรงตัวเมื่อเทียบเดือนก่อน แต่ Excess CAPE yield หรือส่วนต่างระหว่าง Earnings yield ที่คำนวณได้จาก CAPE เมื่อเทียบกับ Bond yield แล้วลดลงเหลือ 3.02% จาก 3.18% สะท้อนความน่าสนใจลงทุนในตลาดหุ้นเริ่มลดลงเช่นกัน

 

Momentum factor: Medium term momentum ของตลาดหุ้นยังบวกอยู่

Momentum ของ SET index ยังคงบวก จากอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนในตลาดหุ้นไทยย้อนหลัง 3 เดือนล่าสุด บวก +2.2% ต่อเดือน อย่างไรก็ดีอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนในตลาดพันธบัตรย้อยหลัง 12 เดือน ให้ผลตอบแทนที่เป็นลบ -0.296% ต่อเดือน เนื่องจาก Bond yield ที่เร่งตัวขึ้น ในภาพรวม Cross asset class momentum (CAC) จึงเป็นบวกเพียงเล็กน้อย

 

 

 

 

คงนํ้าหนักลงทุนตามเดิม แต่อาจเปลี่ยนตัวเล่นมาหาหุ้น Valuation ไม่แพง และหุ้น Small cap

เรายังแนะนำให้คงน้ำหนักลงทุนในตลาดหุ้นไทยตามเดิม เนื่องจากเชื่อว่า Momentum ที่ยังเป็นบวกอยู่ และสภาพคล่องที่ยังล้นตลาดการเงินจะยังหนุนการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงต่อไปอีกระยะ อย่างไรก็ดีด้วย Valuation ที่เริ่มแพง (ผลจาก Bond yield ขึ้น) ทำให้หุ้น Big cap และหุ้นที่ Outperform มากในช่วงที่ผ่านมามีโอกาสถูกขายทำกำไร ในทางกลับกันด้วยวัฏจักรเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัว หุ้น Small cap และหุ้นที่ Valuation ถูกมีโอกาสที่จะOutperform ตลาดฯแทน ในเชิง Technical ประเมินแนวรับ SET index ที่ 1600 จุด และ 1590 จุด ขณะที่แนวต้านประเมินไว้ที่ 1640 จุด และ 1660 จุด ตามลำดับ

หุ้นเด่น 20 ตัว จาก Quantitative โมเดลของเราในเดือน ต.ค. ให้ผลตอบแทนรวม +7.0% และ +5.3% อิง Equal weight และ Market cap weight ตามลำดับ ขณะที่ SET index ปรับขึ้น +1.1% สำหรับหุ้นเด่นประจำเดือน พ.ย.ทั้ง 20 ตัว แสดงในตารางที่ 1 หน้าถัดไป