"หุ้นไทย" เปิดตลาดเช้านี้ร่วง 4.17 จุด

"หุ้นไทย" เปิดตลาดเช้านี้ร่วง  4.17 จุด

"หุ้นไทย" เช้านี้เปิดตลาดร่วง 4.17 จุด หรือ 0.25% อยู่ที่ระดับ 1,631.80 จุด และยังเคลื่อนไหวในแดนลบอย่างต่อเนื่อง "บล.โนมูระฯ" ชี้ ตลาดหุ้นไทยไร้ปัจจัยใหม่-กำไรกลุ่ม Real Sector ต่ำกว่าคาด

ความเคลื่อนไหวดัชนี "หุ้นไทย" เช้าวันนี้ (27 ต.ค.) เปิดตลาดปรับตัวลดลงอยู่ 4.17 จุด หรือ 0.25% อยู่ที่ระดับ 1,631.80 จุด ด้วยมูลค่าซื้อขายราว 2.3 พันล้านบาท และยังมีแนวโน้มปรับลงต่อเนื่อง

นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า คาดตลาดแกว่งตัวออกข้างถึงแกว่งลง แนวต้าน 1,643-1,646 จุด และแนวรับ 1,627-1,620 จุด แม้ความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นต่างประเทศจะอยู่ในทิศทางบวก โดยสหรัฐฯ ได้แรงหนุนจากตัวเลขเศรษฐกิจที่สดใส นำโดยดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 113.8 ในเดือน ต.ค. จากระดับ 109.8 ในเดือน ก.ย. สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง รวมถึงยอดขายบ้านใหม่เดือน ก.ย.พุ่งขึ้นมากกว่าคาดสู่ 800,000 ยูนิต สูงสุดนับตั้งแต่เดือน มี.ค. เป็นจิตวิทยาบวกต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ

ขณะที่ทางฝั่งน้ำมัน ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ยังปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง 0.5% สู่ 86.40 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล จากแนวโน้มที่ตลาดน้ำมันจะตึงตัวมากขึ้น และจากความต้องการใช้น้ำมันที่เร่งขึ้นไว เป็นบวกต่อกลุ่มพลังงาน ส่วนทิศทางกระแสเงินลงทุน (ฟันด์โฟลว์) ในเอเชีย วานนี้ (26 ต.ค.) ต่างชาติซื้อสุทธิ 553 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และเป็นการซื้อสุทธิ 4 วันติดต่อกัน รวมกว่า 1153 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยวานนี้ซื้อมากที่สุดในไต้หวันและเกาหลีใต้ ขณะที่ในกลุ่ม TIPs ซื้อสุทธิในอินโดนีเซียมากที่สุด ส่วนฟิลิปปินส์และไทยเป็นยอดขายสุทธิเล็กๆ แต่โดยรวมถือเป็นจิตวิทยาบวกต่อทั้งเอเชีย

สำหรับปัจจัยในประเทศ ทางด้านตัวเลขผู้ติดเชื้อวันนี้ เพิ่มขึ้น 8,452 ราย เสียชีวิต 57 ราย ขณะที่ยอดหายป่วยกลับบ้านใกล้เคียงยอดติดเชื้อใหม่ที่ 8,449 ราย โดยรวมสถานการณ์การแพร่ระบาดอยู่ในแนวโน้มที่ดีขึ้นรับการเปิดประเทศ 1 พ.ย.นี้ ส่วนตัวเลขส่งออก ก.ย. โต 17.1% ดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ที่ 11.75% และเพิ่มขึ้นจาก 8.93% ในเดือนก่อนหน้า โดยกลุ่มที่การส่งออกฟื้นตัวเด่น ได้แก่ น้ำมันสำเร็จรูป (+128%) ยางพารา (+95%) เคมีภัณฑ์ (+65%) เม็ดพลาสติก (+49%) คอมพิวเตอร์ (+30%) รถยนต์และส่วนประกอบ (+11%) เป็นบวกต่อกลุ่มส่งออก

อย่างไรก็ดี ในส่วนของการปรับน้ำหนักดัชนี MSCI (MSCI Rebalance)  ซึ่งจะประกาศรายชื่อหุ้น 11 พ.ย. และมีผล 30 พ.ย.นี้ คาดบริษัททีเสี่ยงหลุด MSCI คือ BAM (มีโอกาสหลุดสูง) และ RATCH (มีโอกาสหลุดแต่น้อย) กรณีหลุดจะถูกขาย 47 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และ 51 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามลำดับ

สำหรับกลยุทธ์การลงทุน ตลาดหุ้นไทยไม่มีปัจจัยใหม่ ขณะที่งบของกลุ่มภาคเศรษฐกิจจริง (Real Sectors) ที่รายงานออกมาส่วนใหญ่ต่ำคาด ดังนั้น กลยุทธ์แนะนำถือหุ้น 50% คงพอร์ตหลักกลุ่มที่จะ Outperform SET ได้แก่ โรงไฟฟ้า (GPSC, GULF, BCPG) โรงพยาบาล (BDMS, BH) กลุ่มสื่อสารฯ (ADVANC, TRUE) ส่งออก (KCE, HANA. TU) โรงกลั่น (TOP, PTTGC)