สหพันธ์ขนส่งฯ เล็งนำม็อบสิบล้อออกวิ่งทั่วประเทศแสดงจุดยืนขอดีเซล25บาท

สหพันธ์ขนส่งฯ เล็งนำม็อบสิบล้อออกวิ่งทั่วประเทศแสดงจุดยืนขอดีเซล25บาท

สหพันธ์ขนส่งฯ เล็งนำม็อบสิบล้อทั่วประเทศวิ่งแสดงจุดยืนอีกครั้ง หลังรัฐไม่สนข้อเรียกร้อง แนะรัฐไม่จำเป็นต้องกู้2หมื่นล้าน หรือหว่านเงินช่วยเหลือเอสเอ็มอี 3,000 บาทต่อคน เพราะต้นทุนใช้จ่ายคือน้ำมัน ด้านโฆษกฯ ก.พลังงานระบุ ปัจจุบันยังไม่ได้รับทราบนโยบายเพิ่มเติม

นายอภิชาติ ไพรรุ่งเรือง ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย กล่าวว่า สหพันธ์ฯ จะแถลงถึงจุดยืนในการที่จะรักษาสิทธิ์ของความเป็นประชาชนคนไทย เพราะดูจากการที่ นายสุพัฒนพงษ์ พันมีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้แถลงมติการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เมื่อวันที่ 20 ต.ค.2564 ที่ไม่มีความเห็นชอบในแนวทางที่สหพันธ์ฯ ร้องขอ ดังนั้น ตนจะยืนยันเจตนารมณ์เดิม อาทิ หยุดรถบรรทุกที่เข้าร่วมกับสหพันธ์ฯ กว่า หยุดเดินรถ 10% และอาจถึงขั้นรถสิบล้อออกมาวิ่งทั่วประเทศ

นอกจากนี้ หากสหพันธ์ฯ ยังไม่ได้รับสัญญาณอะไรมาจากกระทรวงพลังงาน ก็จะต้องทบทวน และคงไม่ถวงถามไป เพราะถือว่านายสุพัฒนพงษ์ ท่านได้ให้คำสัญญาและขอเวลา 5-7 วันเพื่อหาแนวทางร่วมกัน แต่ก็ยังไร้ข้อสรุป ดังนั้น รถขนส่งที่อยู่ในภายใต้สหพันธ์ฯ ปัจจุบันมีกว่า 4 แสนคัน จะได้รับผลกระทบและออกมาต้านรัฐบาล อีกทั้ง ยังมีรถขนส่งที่ไม่ได้อยู่ภายใต้สหพันธ์ฯ แต่ขึ้นทะเบียนกับกรมขนส่งทางบกหลายล้านคันก็อาจจะออกมาแสดงจุดยืนก็เป็นได้

อย่างไรก็ตาม อยากบอกไปทางรัฐบาลว่า สหพันธ์ฯ เป็นองค์กรที่จดทะเบียนภายใต้กฎหมาย จะดำเนินการอะไรก็ต้องดูว่าผิดกฎหมายรึเปล่า เพราะอยู่ภายใต้หลักรัฐธรรมนูญ ถ้าสมมุติว่าสหพันธ์ฯ หยุดการเคลื่อนไหวไปเลย แล้วมีอะไร ที่ไม่ได้เกี่ยวกับสหพันธ์ฯ ออกมาแสดงจุดยืน ตรงนี้จะควบคุมไม่ได้ และอาจจะลำบากกว่านี้ ยกตัวอย่างเมื่อวันที่ 25 ต.ค.2564 ที่ผ่านมา บรรดารถบรรทุกได้ออกมาเคลื่อยขบวนมา 50 คัน แต่ไม่ได้อยู่ภายใต้สหพันธ์ฯ และมาร่วมกับกลุ่มคาร์ม็อบ ทั้งนี้ ยืนยันว่าไม่ได้เกี่ยวกับสหพันธ์ฯ ยืนยันว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องของการเมืองแต่อย่างไร ทำในสิ่งที่ถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้น

“สิ่งที่เราออกมาเรียกร้อง อยู่ภานใต้สาระสำคัญเพราะน้ำมันดีเซลถือเป็นต้นทุน อดีตที่ผ่านมาหลายรัฐบาลช่วงปี2551-2552 ก็เจอวิกฤติน้ำมันขึ้นมาถึง 140 กว่าดอลลาร์ต่อบาร์เรล แต่ขณะนี้อยู่ที่ 80 กว่าดอลลาร์ต่อบาร์เรลเอง แล้วรัฐบาลบอกว่าทำตามข้อเรียกร้องไม่ได้ ติดปัญหาหลายอย่างทั้งๆ ที่สหพันธ์ฯ ได้เสนอมาตรการออกมาให้แล้วก็ไม่เห็นด้วย”

นายอภิชาติ กล่าวว่า อยากให้กระทรวงพลังงานคำนึงถึงเรื่องต้นทุนความเป็นอยู่ของประชาชน เพราะถ้ารัฐบาลคิดว่ารัฐบาลจะอยู่ต่อ หรือในการเลือกตั้งครั้งต่อไป การแก้ปัญหาน้ำมันแพงและอยู่ในราคาที่ประชาชนไม่เดือดร้อน จะโดนใจประชาชนเป็นอย่างมาก ทั้งการลดภาษีฯ จะสามารถทำได้โดยไม่ต้องไปกู้เงินหลัก 2-3 หมื่นล้านบาท หรือการตัดน้ำมันไบโอดีเซลออกไปก่อน เพราะตอนนี้น้ำมันไบโอราคาสูงกว่า 40 บาทต่อลิตร ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเอามาใช้ กระทรวงพลังงานระบุว่า มีการเก็บสต๊อกไว้เยอะ ก็ควรเก็บไว้ก่อนได้ จนกระทั้งประชาชน ภาคผู้ประกอบการยืนด้วยลำแข้งตัวเองได้ แล้วค่อยมาปรับ หรือขึ้นภาษีฯ ทางสหพันธ์ฯ จะไม่โต้แย้งอะไรเลย

นอกจากนี้ ขณะนี้ ประชาชนจำนวนมากโดนออกจากงาน โดนลดเงินเดือน ไม่มีงานทำ การที่ผู้ประกอบการเองมาสู้กับประชาชนก็เพราะว่าหากประชาชนหยุดการใช้จ่ายเงิน  เหมือนกับปัจจุบันที่ผ่านมา ด้วยเพราะสาเหตุต้นทุนแพง อีกทั้งวิกฤติโควิด-19 ยังอยู่ จะทำให้ภาคการขนส่งชะลอไปด้วย ดังนั้น สิ่งที่เรียกร้องผสมผสานไปกับภาคประชาชน เพราะว่าประชาชนเดือดร้อน และสหพันธ์ฯ ก็เปรียบเสมือนประชาชน เป็นผู้ประกอบการด้วย

อย่างไรก็ตาม กรณีให้สมาคมภาคขนส่ง เอสเอ็มอี เข้ามาตรา33 เพื่อให้พนักงานในบริษัทรับเงินเยียวยา 3,000 บาทต่อคนนั้น จริงๆ รัฐบาลไม่จำเป็นต้องหว่านเงินช่วยเหลือด้วยวิธีดังกล่าว ส่วนตนมองว่าไม่มีประโยชน์ จึงควรต้องมาดูที่ต้นทุนก็คือน้ำมัน ถ้าต้นทุนถูกก็จะเหลือเงินอยู่ในกระเป๋ามากขึ้น มากกว่า 3,000 หรือ 5,000 บาท จึงอยากให้ทบทวน ยืนยันว่าสหพันธ์ฯ ไม่ใช่เด็กดื้อ แต่ถ้ารัฐบาลไม่ฟังก็ไม่ได้ว่าอะไร สหพันธ์ฯ จะดำเนินการตามมติของคณะกรรมการต่อไป แต่เหนือสิ่งอื่นใดจะคำนึงถึงความเดือดร้อนของประชาชน

“เรายืนยันในจุดยืนเพื่อทุกคน เรื่องออกมาประท้วงปิดถนนเราไม่ทำเด็ดขาด จะเห็นได้จากที่ผ่านมา เรามีเวลาทำการ แสดงจุดยืนอย่างสงบเรียบร้อย สิ่งหนึ่งที่อยากจจะบอกถ้ามาตรการตรงนี้ไม่ได้ เราจะแสดงพลังโดยรถบรรทุกจะออกมาแสดงจุดยืนทั่วประเทศจากเดิมที่แค่รอบนอกกทม. เราเป็นแกนนำ แต่เราต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย ไม่ฝักไฝ่การเมือง ตนชัดเจนมากพอ โดยสหพันธ์ฯ จะจัดแถลงข่าววันที่ 27 ต.ค.2564 ที่โรงแรมรามาการ์เด้นส์” นายอภิชาติ กล่าว 

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 19 ต.ค.2564 สหพันธ์ฯ ได้มีการจัดกิจกรรม Truck Power  โดย จะนำรถขนส่ง รถบรรทุก ออกมารวมตัว และขับวนช้าๆ ในเส้นทางรอบนอกกรุงเทพมหานครและปริมณฑล รวม 4 เส้นทาง 6 จุด ได้แก่ เส้นทางถนนพระราม 2 เชื่อมต่อกาญจนาภิเษก ,ถนนบางนาตราด เชื่อมต่อกาญจนาภิเษกฝั่งตะวันตก (บางพลี) จ.สมุทรปราการ (ไม่เข้าเขตกรุงเทพฯ) ,ถนนสายเอเชีย เชื่อมต่อบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา (ไม่เข้าเขตกรุงเทพฯ) ,ถนนมิตรภาพ เชื่อมต่อพหลโยธิน จ.สระบุรี (ไม่เข้ากรุงเทพฯ) ภายหลังจากที่เข้าหารือกับ นายสุพัฒนพงษ์ เมื่อวันที่ 18 ต.ค.2564 ซึ่งผลจากการหารือยังไร้ข้อสรุปร่วมกัน

สำหรับข้อเรียกร้องของสหพันธ์การขนส่งฯ หลักๆ ประกอบด้วย 1. ลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันภาคขนส่งเป็น 0% ระยะเวลา 1 ปี ซึ่งปัจจุบันต่างประเทศที่ไม่มีการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันภาคขนส่ง ในขณะที่ไทยต้องเสียภาษีในอัตรา 5.80 บาทต่อลิตร  2.ขอให้รัฐบาลปรับลดสูตรน้ำมันไบโอดีเซลออก และ 3. ตรึงราคาดีเซลอยู่ที่ 25 บาทต่อลิตร 

ด้านนายสมภพ พัฒนอริยางกูล โฆษกกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ปัจจุบันยังไม่ได้รับทราบนโยบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อเรียกร้องจากสหพัธ์ฯ โดยขณะนี้ จะยังคงเป็นไปตามมติ กบง. เมื่อวันที่ 20 ต.ค.2564 โดยมติกบง.กำหนดให้มีน้ำมันกลุ่มดีเซล 3 ชนิด คือ น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี 7 น้ำมันดีเซลหมุนเร็วธรรมดา บี10 และน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี 20 ซึ่งกำหนดให้ส่วนต่างราคาขายปลีกระหว่างน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี7 กับน้ำมันดีเซลหมุนเร็วธรรมดา อยู่ที่ 0.15 บาทต่อลิตร และส่วนต่างราคาขายปลีกระหว่างน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี7 กับน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี20 อยู่ที่ 0.25 บาทต่อลิตร โดยยังคงค่าการตลาดกลุ่มน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว ไม่เกิน 1.40 บาทต่อลิตร โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.2564 เป็นต้นไป

ทั้งนี้ จะใช้เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีอยู่ในปัจจุบัน 9,207 ล้านบาท รักษาระดับราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิงกลุ่มดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตร รวมถึงกู้ยืมเงินเพื่อรักษาระดับราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิงกลุ่มดีเซล เบื้องต้นจะกู้ที่ 2 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้ หากในกรณีราคาน้ำมันดิบดูไบเกิน 87.5 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หรือสถานะภาพกองทุนน้ำมันฯ ไม่เพียงพอสำหรับการรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมันเชื้อเพลิงกลุ่มดีเซลให้ไม่เกิน 30 บาทต่อลิตรได้ จะประสานกระทรวงการคลังเพื่อปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตเป็นลำดับต่อไป ซึ่งกระทรวงพลังงาน จะติดตามสถานการณ์ราคาพลังงานในตลาดโลกอย่างใกล้ชิด เพื่อเตรียมความพร้อมในการออกมาตรการบรรเทาผลกระทบต่อประชาชนทั้งด้านน้ำมัน ด้านก๊าซปิโตรเลียมเหลว ด้านไฟฟ้า ให้ได้รับความเป็นธรรม เหมาะสมต่อไป