กรมประมงเร่งช่วยผู้เลี้ยงปลานิลสูญ 18 ล้าน

กรมประมงเร่งจ่ายเงินเยียวยาเกษตรกรผู้เลี้ยงปลานิลจังหวัดมหาสารคาม หลังปลาน็อกน้ำตายสูญ 18 ล้านบาท ด้านฟาร์มเอกชนยันให้เครดิตค่าอาหารปลาตลอดการเลี้ยงในรอบต่อไป

รองอธิบดีกรมประมง เฉลิมชัย สุวรรณรักษ์ ระบุ กรมฯยังคงเฝ้าติดตามสถานการณ์พร้อมออกพื้นที่ให้ความช่วยเหลือแก่เกษตรกรที่ได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่อง จากกรณีเหตุอุทกภัยจากพายุเตี้ยนหมู่ ส่งผลให้มวลน้ำขนาดใหญ่ไหลทะลักผ่านลำน้ำชี ทำให้ปลาในกระชังน็อกน้ำตายเป็นจำนวนมาก สร้างความเสียหายอย่างหนักแก่เกษตรกรในพื้นที่จังหวัดมหาสารคาม

สำหรับยอดความเสียหายล่าสุดมีมูลค่ากว่า 18 ล้านบาท มีเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบ จำนวน 42 ราย กระชังที่ได้รับความเสียหาย 972 กระชัง ปริมาณผลผลิตปลานิลที่เสียหายประมาณ 300 ตัน ซึ่งการเลี้ยงปลานิลของเกษตรกรในพื้นที่มีการเลี้ยงใน 2 รูปแบบ ได้แก่  1. การเลี้ยงแบบทำสัญญากับฟาร์มเอกชน 
โดยเกษตรกรจะต้องซื้อลูกพันธุ์และอาหารปลาจากฟาร์มเอกชน เมื่อผลผลิตได้ตามขนาดที่ตลาดต้องการ ฟาร์มเอกชนจะรับซื้อคืน ตามราคาของตลาดและฟาร์มเอกชนจะให้ราคาเพิ่มขึ้นอีกกิโลกรัมละ 2 บาท ซึ่งมีเกษตรกรทำ
การเลี้ยงลักษณะเช่นนี้ จำนวนถึง 30 ราย และ 2. เป็นเกษตรกรผู้เลี้ยงอิสระ โดยเป็นการเลี้ยงแบบจัดซื้อลูกพันธุ์และอาหารปลา รวมถึงจัดหาตลาดด้วยตนเอง

กรมฯได้มอบหมายให้ประมงจังหวัดมหาสารคาม  ร่วมกับเกษตรและสหกรณ์จังหวัดมหาสารคาม และตัวแทนฟาร์มเอกชน จำนวน 3 ราย ที่ทำสัญญากับผู้เลี้ยงปลาในกระชังลำน้ำชี หารือกับเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบ โดยชี้แจงแนวทางการให้ความช่วยเหลือด้านต่าง ๆ โดยเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ หรือ ทบ.1 กับกรมประมง สามารถขอรับความช่วยเหลือผ่านทางหน่วยงานกรมประมงภายในจังหวัด ซึ่งจะได้รับพิจารณาดำเนินการให้ความช่วยเหลือโดยใช้เงินทดรองราชการในอำนาจของผู้ว่าราชการจังหวัด ตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2562 และหลักเกณฑ์วิธีปฏิบัติปลีกย่อยเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือด้านการเกษตรผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2564  

นอกจากนี้ ยังมีการให้ความรู้ในเรื่อง เกษตรพันธะสัญญา ตลอดจนได้มีการหารือถึงแนวทางการให้ความช่วยเหลือจากฟาร์มเอกชนที่ทำสัญญากับเกษตรกรผู้เลี้ยงปลา โดยตัวแทนฟาร์มเอกชนยินดีจะให้ความช่วยเหลือปัจจัยการผลิตด้านอาหาร โดยจะให้เครดิตค่าอาหารปลาตลอดการเลี้ยงในรอบต่อไป 

​​​​หลังสถานการณ์น้ำเข้าสู่สภาวะปกติ กรมฯจะเร่งสำรวจเพื่อให้ความช่วยเหลือและชดเชยเยียวยาเกษตรกร ตามระเบียบของกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2556 และหลักเกณฑ์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องต่อไป