XO ประมาณการ 3Q64F: กำไรสะดุดเพราะปัญหาจาก supply chain

โดยคาดว่ารายได้จะลดลง 1.6% YoY และ 25.5% QoQ เหลือ 340 ล้านบาท เนื่องจากเกิดปัญหา supply chain สะดุด โดยบริษัทประสบปัญหาขาดแคลนบรรจุภัณฑ์เพราะสถานการณ์ COVID-19 ระบาด นอกจากนี้ ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับอุปทานบรรจุภัณฑ์ยังทำให้ XO ลังเลที่จะจองตู้คอนเทนเนอร์เพื่อจัดส่งสินค้าล่วงหน้านานๆ ซึ่งทำให้เกิดปัญหาจัดส่งสินค้าล่าช้า เราคาดว่ายอดขายที่ลดลงจะทำให้ GPM ลดลงเหลือ42.1% จาก 46.5% และทำให้ค่าใช้จ่าย SG&A ต่อยอดขาย เพิ่มขึ้นเป็น 13.6% จาก 11.1% ใน 2Q64

 

ปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 2564F ลง 11.0% และปี 2565F ลง 8.4%

เราคาดว่าปัญหา supply chain สะดุดน่าจะคลี่คลายลงไปบ้างใน 4Q64 แต่จะยังไม่ได้รับการแก้ไขทั้งหมด ดังนั้น เราจึงปรับลดประมาณการกำไรสุทธิของ XO ในปี 2564F ลง 11.0% เหลือ 459 ล้านบาท โดยเราปรับลดประมาณการ GPM ลงเหลือ 44.3% จากเดิม 45.6% เนื่องจากการประหยัดต่อขนาดลดลง สำหรับแนวโน้มในปี 2565 เราปรับลดประมาณการกำไรสุทธิลง 8.4% เหลือ 560 ล้านบาท เพื่อสะท้อนถึงปัญหา supply chain สะดุดที่ยังคงอยู่ และการเลื่อนวางตลาดสินค้าใหม่ออกไปจากกำหนดเดิม เราคาดว่าค่าใช้จ่ายด้านการตลาดจะเพิ่มขึ้น เนื่องจากงบ listing fee เพิ่มขึ้นเป็น 20-25 ล้านบาท จากเดิมที่ 10-15 ล้านบาท และการกลับเข้าร่วมงานแสดงสินค้าระหว่างประเทศ

 

 

 

 

ยังคงมองบวกในระยะยาว

เรายังคงมองบวกกับแนวโน้มการเติบโตในระยะยาวของ XO โดยการปรับลดประมาณการกำไรสุทธิเป็นเพราะเกิดปัญหา supply chain สะดุด ในขณะที่อุปสงค์ยังคงแข็งแกร่ง และคาดว่ายอดขายจะยังโตได้ถึง 17.1% ในปีหน้า ทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 1.77 พันล้านบาท นอกจากนี้ เรายังชอบ XO ในแง่ของความสามารถในการบริหารจัดการต้นทุนวัตถุดิบ และงบดุลที่แข็งแกร่ง ทั้งนี้ XO จ่ายเงินปันผลสูงอย่างสม่ำเสมอ โดยคาดว่าอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลในปีนี้จะอยู่ที่ 4.9% และปีหน้าจะอยู่ที่ 5.9%

 

Valuation & action

เรายังคงคำแนะนำซื้อ XO แต่เนื่องจากเราปรับลดประมาณการกำไรลง จึงทำให้ราคาเป้าหมายปี 2565F ลดลงเหลือ 30.00 บาท อิงจาก PER ที่ 22.7x (PER เฉลี่ยระยะยาว)

 

Risks

เกิดกรณีพิพาทกับผู้จัดจำหน่าย, การขนส่ง และ supply chain สะดุด, การแข่งขันในตลาด