เงินดิจิทัลกลับมาฟีเวอร์ บจ.ไทยตบเท้าชิงโอกาสลงทุน

เงินดิจิทัลกลับมาฟีเวอร์  บจ.ไทยตบเท้าชิงโอกาสลงทุน

สินทรัพย์ที่มาแรงแซงทุกโค้งนาทีนี้ยกให้ “สกุลเงินดิจิทัล” ที่กำลังดึงดูดใจทั้งนักลงทุนจนแห่เข้ามาลงทุนจำนวนมาก และยังดึงบริษัทจดทะเบียนในไทยหลายบริษัทให้กระโดดเข้ามาชิงพื้นที่ในธุรกิจเกี่ยวเนื่องมากขึ้น

สกุลเงินเป็นที่นิยมและนักลงทุนรุ่นใหมให้คความสนใจมากที่สุด คือ บิทคอยน์ หรือ Bitcoin ทีมีมูลค่าการซื้อขายใหญ่ที่สุดในโลก ล่าสุด (18 ต.ค.64) ราคาบิทคอยน์สามารถขึ้นมาแตะที่ 62,000 ดอลลาร์ต่อบิทคอยน์ ได้อีกครั้ง บิตคอยน์พุ่งทะลุ 62,000 ดอลลาร์ ตอบรับข่าวมีการยื่นจัดตั้งกองทุน ETF สัญญาล่วงหน้าบิตคอยน์ของ ProShares ต่อก.ล.ต.สหรัฐ จะเริ่มการซื้อขายในสัปดาห์นี้ และการเข้ามาลงทุนของกองทุนของนายจอร์จ โซรอส พ่อมดการเงินที่โด่งดังจากการเข้ามาโจมตีค่าเงินบาทปี 2540

ขณะที่จำนวนบัญชีการซื้อขายเฉพาะในไทยในตลาดเงินดิจิทัล ส.ค. 2564 มีถึง 1.49 ล้านบัญชี เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวจากช่วงมี.ค. 2564 มีจำนวนบัญชี 507,520 บัญชี ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มนักลงทุนรายบุคคลมีจำนวน 3.03 แสนบัญชี และยังเป็นกลุ่มที่มีมูลค่าการซื้อขายมากที่สุดอีกด้วย

จากมูลค่าการซื้อขาย-จำนวนนักลงทุนและมูลค่าตลาดที่เพิ่มขึ้นทำให้กลายเป็นตลาดที่กำลังเติบโตและมีโอกาสมากที่สุดตลาดหนึ่งในสายตาผู้ประกอบการ ส่งผลทำให้เกิดธุรกิจเข้ามาต่อยอดเพื่อลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลเหล่านี้มากขึ้นตามไปด้วย

บริษัทเอ็กซ์สปริง แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ XPG ได้รับความสนใจและจุดกระแสการเข้าดิจิทัลไฟแนนซ์เต็มตัว ทั้งแพลตฟอร์มการลงทุนรูปแบบดิจิทัล ธุรกิจสำหรับบริการด้านการเงิน ธุรกิจบริหารจัดการกองทุนและสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ ซึ่งได้มีการประเดิมเป็นผู้ออหหลักทรัพย์เพื่อลงทุนใน “สิริฮับ” มูลค่า 2,400 ล้านบาท

หลังจากนั้นบริษัทที่สร้างความฮือฮาต่อคือ บริษัท บรุ๊คเคอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BROOK ที่เข้าลงทุนในสกุลเงินบิทคอยน์ ด้วยวงเงิน1,225 ล้านบาท และเตรียมลงทุนเพิ่ม 70 ล้านบาททำเหมืองขุดขุดคริปโทเคอเรนซี ผ่านการลงทุนในบริษัทฯหรือบริษัทย่อยในประเทศไทย

พร้อมลงทุนในอนาคตเพิ่มเติมในสเตเบิ้ลคอยน์ (Stablecoin) ด้วยการเข้าซื้อสินทรัพย์ดิจิทัล สเตเบิ้ลคอยน์ ประเภท USD Coin (USDC) อ้างอิงสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ผ่าน Zipmex ไม่เกิน 150 ล้านบาท คาดจะเกิดขึ้นภายในเดือนพ.ย. ซึ่งจะมีการขอมติประชุมผู้ถือหุ้นในวันที่ 29 ต.ค. นี้

ถัดมาบริษัทจัสมิน เทเลคอม ซิสเต็มส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JTS ประกาศ เซ็นสัญญาซื้อเครื่องขุดบิตคอยน์กับ Bitmain 1,200 เครื่องกับทางบริษัท Bitmain Technology Ltd. (Bitmain)จากลงทุนไปแล้ว 200 เครื่องหรือ 50 ล้านบาท ตามเป้าหมายเสริมเพิ่มกำลังขุดเป็น 5,000 เครื่องภายในปี 2565 หรือ 319 ล้านบาท เพื่อเป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมเหมืองขุดบิตคอยน์ที่ใหญ่ และมีความสามารถในการขุดมากที่สุดในประเทศไทย

รายล่าสุด บริษัท โคแมนซี่ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ COMAN ตั้งบริษัทย่อย “โคแมน คริปโต” มูลค่า 60 ล้านบาท ลงทุนในธุรกิจขุดคริปโทเคอเรนซี เพื่อดำเนินธุรกิจซื้อ ขาย และ/หรือ แลกเปลี่ยน เป็นตัวกลาง ในสกุลเงินดิจิทัล 

เทรนของธุรกิจและการลงทุนที่หันมาที่สนใจสะท้อนได้ถึงโอกาสสร้างผลตอบแทนในอนาคต ทำให้ปฎิเสธไม่ได้ว่าตลาดเงินดิจิทัลจะมีการเติบโตที่รวดเร็ว  ส่วนใครจะได้ประโยชน์หรือเสียประโยชน์ขึ้นอยู่กับการเตรียมความพร้อมควบคู่ไปกับการประเมินความเสี่ยงลงทุนที่ดีพอ