“ถกลเกียรติ” นำทัพฟื้นเดอะ วันฯ หลังเข้าตลาดหลักทรัพย์ ปลดล็อกหนี้พันล้าน!

อีกไม่นาน “เดอะ วันเอ็นเตอร์ไพรส์” จะเป็นน้องใหม่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพ์ฯ ระหว่างนี้บริษัทถูกจับจ้องจากนักลงทุน และคำถามมากมายเกิดขึ้น เพื่อไขทุกคำตอบ กรุงเทพธุรกิจ สัมภาษณ์ ถกลเกียรติ วีรวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด(มหาชน)

หนึ่งในบทสนทนาทีเกิดขึ้น คือการเล่าออพชั่นการสาง “หนี้ 2,220 ล้านบาท” ที่บริษัทกู้ยืมสถาบันการเงินไปซื้อกิจการ “จีเอ็มเอ็ม แชนแนล โฮลดิ้ง” เสริมแกร่งธุรกิจเมื่อปีที่แล้ว กลับกันหากไม่กู้ แต่เลือกเข้าตลาดฯเสนอขายหุ้นครั้งแรกให้สาธารณชน ได้เงินไปซื้อกิจการทางเลือกไม่ต่างกันนัก

สิ่งที่ต่างคือ เมื่อได้ “จีเอ็มเอ็ม แชนแนล โฮลดิ้ง” มาอยู่ในกลุ่มเดอะ วันฯ ทำให้ควบคุม ขับเคลื่อน กำหนดทิศทางการเป็นผู้ผลิตคอนเทนท์ให้ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น มี “นาทีทอง” หรือช่วงเวลาไพรม์ไทม์ไปดึงเม็ดเงินโฆษณา สร้างรายได้มากขึ้น

ถกลเกียรติ เป็นหนึ่งในผู้เล่นคนสำคัญในแวดวงทีวี ผลิตละคร ซิทคอมฯ คร่ำหวอดในตลาดนานกว่า 30 ปี มีผลงานสร้างชื่อ ก่อให้เกิดแรงกระเพื่อมบนจอแก้ว มีอิทธิพลต่อผู้ชมไม่น้อย เช่น สามหนุ่มสามมุม ปลุกกระแสซิทคอมให้ปัง ละครรักในรอยแค้โด่งดังมาก ทอฝันกับมาวิน แรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่ปี 2539 กล้าฉีกกรอบทำตามฝันตัวเอง

ทว่า จุดเปลี่ยนคือการทุ่มเงิน “ประมูลทีวีดิจิทัล” เป็นเจ้าของสถานีโทรทัศน์ “ช่องONE31” จากเดิมผลิตคอนเทนท์ป้อนช่องต่างๆ หารายได้ ธุรกิจไม่ง่าย เพราะเจอมรสุมดิจิทัล ดิสรัปชั่นเกรี้ยวกราด ตลอด 7 ปีที่ผ่านมา ทั้งเครียด ต้องสวมบท “ดิรัปเตอร์” พาธุรกิจทีวีให้อยู่รอด พลิกขาดทุนให้ทำ “กำไร” สวนทางเงินโฆษณาหดตัวแรง

“ตอนประมูลทีวีดิจิทัลหนักสุด ต้องอยู่รอด และก่อนหมอปุย(พญ.ปรมาภรณ์ ปราสาททองโอสถ) เข้ามาเราหนักมากจริงๆ พอมีทุนเข้ามาทำให้เราทำอะไรได้มากขึ้น ลงทุนคอนเทนท์ดีๆเพิ่ม”

การเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นอีกจิ๊กซอว์จะพลิกกลุ่ม เดอะ วันฯให้ผงาด เมื่อระดมทุนจะนำเงินชำระหนี้ 2,220 ล้านบาท จากนั้นลุยเก็บเกี่ยวทุก “โอกาส” สร้างการเติบโต

ภายในปี 2567 เดอะ วันฯ จะลงทุนหลายด้าน เริ่มจากแบ่งงบราว 500 ล้านบาท ลงทุนผลิตคอนเทนท์ ขยายสตูดิโอ เสริมศักยภาพสร้างสรรค์เอฟเฟคสุดตระการตาหรือผลิตซีจี ฯ ต่อเนื่องถึงปี 2566 ใช้งบ 130 ล้านบาท พัฒนาแพลตฟอร์มออนไลน์(Over The Top:OTT)อาจปรับปรุง(Revamp) “one31” ใหม่ ตอบโจทย์ผู้ชมรุ่นใหม่ในอนาคต รวมถึงสร้างระบบเทคโนโลยีหลังบ้านให้แกร่งยิ่งขึ้น

“การเข้าตลาดจะปลดล็อกด้านการเงิน ซึ่งทุนเป็นสิ่งสำคัญมากที่จะพัฒนาคอนเทนท์ของเราให้มีคุณภาพ สร้างแพลตฟอร์มตัวเองให้แข็งแรงขึ้น ไม่แค่มีช่องทีวี”

ขณะที่ “จุดแข็ง” ของเดอะ วันฯ คือคอนเทนท์ ช่วยสร้างแต้มต่อในวงการ ยิ่งปีก่อนผนึกกับจีเอ็มเอ็ม แชนแนล โฮลดิ้ง ทำให้บริษัทมีคอนเทนท์เจาะกลุ่มผู้ชมได้กว้าง(Mass)มากขึ้น และเป็น “โฮลดิ้ง คัมปะนี” ด้านผลิตคอนเทนท์ที่ใหญ่มาก จากปีนี้เกมรุกนำคอนเทนท์ไปเสิร์ฟผู้ชม บริษัทจะโฟกัสช่วงเวลานอน-ไพรม์ไทม์เพื่อเก็บเกี่ยวรายได้เพิ่ม

เวทีโลกเป็นอีกตลาดที่ ถกลเกียรติ เห็น “ขุมทรัพย์” เสิร์ฟคอนเทนท์ โดยเฉพาะการเกิดโอทีทีแพลตฟอร์ม เป็นประตูให้ละคร รายการไทยโลดแล่นต่างแดนมากขึ้น เพราะแม้พฤติกรรมคนดูทีวีน้อยลงหรือเปลี่ยนอย่างไร แต่ “คอนเทนท์” เป็นสิ่งที่ผู้ชมโหยหา หมากรบบริษัทไม่แค่ลงทุนผลิตคอนเทนท์เอง แต่เล็งผนึก “พันธมิตรต่างชาติ” ร่วมผลิตคอนเทนท์(โค-โปรดักชั่น)เจาะตลาดที่ต่างฝ่ายมี “ฐาน”เหนียวแน่นทำเงินเพิ่มด้วย

“อาวุธของเราคือคอนเทนท์ ดิสรัปชั่นหมายถึงผู้ชมเปลี่ยนวิธีดู แต่ไม่ได้แปลว่าเลิกดูคอนเทนท์ กลับดูเพิ่มมากขึ้น กลายเป็นเรามีโอกาสมากขึ้น การผนึกพันธมิตร จะช่วยสร้างมาตรฐานงานระดับสากล หารายได้จากต่างประเทศเพิ่ม” ถกลเกียรติ ย้ำ

ระฟ้า ดำรงชัยธรรม

ด้าน ระฟ้า ดำรงชัยธรรม ประธานเจ้าหน้าที่การตลาดกลุ่ม บริษัท เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า ปัจจุบัน เดอะ วันฯ ผลิตคอนเทนท์ต่อปีราว 900-1,000 ชั่วโมง(ชม.) เพิ่มจากปี 2561 ผลิตได้ 870 ชม.การได้เงินทุนมาจะเสริมศักยภาพการผลิตคอนเทนท์ได้ถึง 1,600 ชม. เต็มที่ถึง 1,800 ชม.

การขับเคลื่อนธุรกิจดังกล่าว ยังทำให้เป้าหมายรายได้บริษัทใน 3-5 ปีข้างหน้าเติบโตเฉลี่ย 10% โครงสร้างรายได้เปลี่ยน รายได้จากโฆษณาจะลดเหลือ 40-45% จากปัจจุบัน 51% ออนไลน์ 25% จาก 20% รายได้ต่างประเทศ 7% จาก 3% เป็นต้น

ทั้งนี้ กลยุทธ์การผลิตคอนเทนท์บริษัทยังลงทุนเองกว่า 90% แม้เสี่ยงสูงแต่ทำ “กำไร” ดีกว่ารับจ้างผลิต ขณะที่การผลิตคอนเทนท์ป้อนยักษ์ใหญ่โอทีที เช่น เน็ตฟลิกซ์ ดิสนีย์พลัส ฮอตสตาร์ และอเมซอน ไพรม์ฯ เป็นช่องทางแกร่งมากที่ช่วยทำให้ต่างประเทศ รับรู้ความสามารถของเดอะ วันฯ ในการผลิตคอนเทนท์ไทยเตะตาระดับโลกได้